ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ จักรภพ เพ็ญแข และพวกรวม 5 คน

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2017.12.07
กรุงเทพฯ
171207-TH-weapons-1000.jpg เจ้าหน้าที่กองทัพบกแสดงอาวุธที่ยึดได้จากหลายแห่งทั่วประเทศ จำนวน 1,500 ชุด ในงานแถลงข่าวที่กรุงเทพฯ ภาพวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
เอพี

ในวันพฤหัสบดี(7 ธันวาคม 2560)นี้ ศาลอาญาอนุมัติหมายจับนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้องรายอื่นรวม 5 คน ในข้อหาครอบครองอาวุธ เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดผิดกฎหมาย และอั้งยี่ซ่องโจร หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธสงครามที่ถูกค้นพบใน จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยล่าสุด ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวแล้ว 1 ราย

“นายจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน และวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นอั้งยี่ กรณีนี้มีหลักฐานตามสมควรว่า นายจักรภพ เพ็ญแข ได้หรือน่าจะได้กระทำความผิดอาญาซึ่งมีโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี” หมายจับเลขที่ 2692-2696/ 2560 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2560 ซึ่งลงชื่อโดยนายชำนาญ สายสีทอง ผู้พิพากษาศาลอาญาระบุ

การออกหมายจับครั้งนี้ มีผู้ต้องหารายอื่นอีก 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายชัยวัฒน์ ผลโพธิ์ 2.นายสมเจตน์ คงวัฒนะ 3.นายจักรินทร์ เรืองศักดิ์วิชิต และ 4.พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 โดยเป็นหมายจับตามคำร้องของพนักงานสอบสวน กองปราบปราม ซึ่งขยายผลจากการพบอาวุธสงครามจำนวนมากในพื้นที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ระหว่างวันที่ 24-30 พฤศจิกายน 2560

ในวันเดียวกัน พล.ท.มนัส เปาริก หนึ่งในผู้ต้องหาได้เดินทางเข้ามอบตัวที่กองบังคับการปราบปรามกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหลังจากนั้นได้ใช้หลักทรัพย์ 2 แสนบาทยื่นประกันตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเห็นว่า ได้เดินทางมามอบตัวด้วยตนเอง

ก่อนหน้านี้ นายจักรภพ เพ็ญแข หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับนี้ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คแฟนเพจของตัวเองในวันจันทร์ ปฎิเสธว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธสงครามที่ถูกค้นพบโดยยืนยันว่า ตนเองต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยไม่ใช้อาวุธ

“สิ่งเดียวที่ผมยึดมั่นคือ การต่อสู้ตามหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย เพราะเพียงเท่านั้นฝ่ายประชาชนก็ชนะขาดลอย ไม่ต้องไปจับอาวุธที่ไหนให้ขัดต่อคุณธรรมและความยอมรับสากลเลย มีแต่โจรตำแหน่งสูง แต่จิตใจต่ำช้าในเมืองไทยเท่านั้น ที่ต้องคอยถืออาวุธและซื้ออาวุธให้มากเข้าไว้ เพราะรู้ว่าอำนาจชั่วของตัวเองใช้คุ้มหัวอะไรไม่ได้เลย เมื่อถึงเวลา ซึ่งอาจมาถึงในไม่ช้านี้” นายจักรภพระบุ

“หลายปีที่ผ่านมา ผมอยู่นอกประเทศอย่างเงียบสงบ เพื่อรอให้ความชั่วร้ายในระดับระบอบซึมเข้าไปในหัวของคนส่วนมากในสังคมเสียก่อน จึงขอบอกไว้ให้ชัดตรงนี้ว่า อย่ายั่วยุกันให้มากจนเกินไปนัก การลุกฮือของประชาชนไม่ใช่ของที่ไกลเกินเอื้อม หากผู้กุมอำนาจในรัฐไทยโง่และชั่วพอ ระบอบการเมืองแบบซากดึกดำบรรพ์ ที่มีคนคิดเอากลับมาใช้ใหม่กันอยู่นี้ จักช่วยเสริมไฟให้กับระบอบประชาชนเป็นอย่างยิ่ง” นายจักรภพเขียนบนเฟซบุ๊คแฟนเพจ จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair

เมื่อวันที่ 24-30 พฤศจิกายน 2560 เจ้าหน้าที่ตรวจพบอาวุธสงครามหลายรายการ อาทิ อาวุธปืนเอเค 47 กระสุนปืนเอ็ม 79 ไพพ์บอมบ์ และลูกระเบิดชนิดขว้างอาร์จีดี 5 ในคูน้ำ เขตพื้นที่ ต.ฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา จากการตรวจสอบทำให้ทราบว่า เป็นอาวุธที่ผลิตในครั้งเดียวกับอาวุธซึ่งถูกนำมาก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ปราจีนบุรี และชลบุรี ในปี 2557 รวม 18 คดี เช่น ลูกกระสุนเอ็ม 79 ตรงกับเหตุการณ์คนร้ายยิงเอ็ม 79 ใส่อาคารสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  เมื่อคืนวันที่ 27 และ 28 มีนาคม 2557 เป็นต้น

“อาวุธมันล็อตเชื่อมโยงกัน เชื่อมโยงโดยวัตถุพยาน อีโอดีก็ยืนยันเป็นอาวุธพร้อมใช้ ไม่ได้เอาซ่อน ประจักษ์พยานเห็นครั้งแรก เมื่อเดือนตุลาคม 60 แต่ทราบว่ายังเหลืออีกเยอะ ที่ยึดมาได้รวมๆกันแล้วยังไม่ถึงครึ่ง” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวต่อสื่อมวลชนในวันพุธที่ผ่านมา

พล.ต.อ.ศรีวราห์เพิ่มเติมว่า การพบอาวุธสงคราม และวัตถุระเบิดที่ จ.ฉะเชิงเทราครั้งนี้ พบมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ คนเสื้อแดงปทุมธานี หลังตรวจสอบเลขที่บนกระเดื่องระเบิดมีหมายเลขที่ตรงกันกับที่เคยตรวจยึดได้ในบ้านของนายวุฒิพงศ์  รวมถึงอาวุธที่เคยก่อเหตุต่างๆในปี 2557 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบเป็นอาวุธชุดเดียวกัน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง