นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมชายแดนใต้

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2016.07.25
นราธิวาส
160725-th-deep-south-620.jpg พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดคุยกับผู้นำศาสนา มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ วันที่ 25 ก.ค. 2559
เบนาร์นิวส์

ในวันจันทร์ (25 ก.ค. 2559) นี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางไปยังจังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความรุนแรง พร้อมทั้งได้เป็นประธานการประชุมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

นอกจากนั้น ยังมีผู้ติดตามนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ รมว.พาณิชย์ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. โดยได้เดินทางไปยังหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซึ่งตั้งอยู่ศูนย์ราชการ ต.โคกเคียน อ.เมือง นราธิวาส เป็นแห่งแรก

พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาค 4 กล่าวรายงานต่อนายกรัฐมนตรีว่า โดยภาพรวมเจ้าหน้าที่สามารถจำกัดพื้นที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ไม่หวังดี จนเหตุการณ์ความไม่สงบได้ลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงรอบปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็ยังสามารถจับกุมผู้กระทำผิดและตรวจยึดอุปกรณ์ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้ายได้เป็นจำนวนมาก

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ เปิดเผยว่า รัฐบาลมีแผนการถอนทหารที่มาจากภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสานออกจากพื้นที่ภายในเดือนตุลาคมนี้ โดยให้กองทัพภาคที่สี่จัดกำลังดูแทน

“ไม่มีใครอยากจะรบกับคนไทยด้วยกันเอง เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นและมีกำลังในพื้นที่แล้ว ก็จะทยอยถอนกลับ” พลเอกประยุทธ์กล่าว

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดนราธิวาส และได้เป็นประธานการประชุมเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีเจ้าหน้าที่ ศอ.บต. ผู้ว่าราชการจังหวัด สามจังหวัดชายแดนใต้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และผู้นำศาสนา ได้ร่วมกันต้อนรับและสวดดูอา ขอพรพระเจ้าให้กับนายกรัฐมนตรีและคณะ

ในการประชุมนี้ มีการนำเสนอแผนงานที่เป็นยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ ด้วยการสร้างเมืองเข้มแข็ง ให้เป็นเมืองต้นแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ Smart Green Cities

โครงการดังกล่าว มีรูปแบบเป็น “สามเหลี่ยมการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ครอบคลุมสามพื้นที่ คือ หนึ่ง เมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ที่จะพัฒนาขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนระหว่างประเทศ สอง เมืองเบตง จ.ยะลา ที่จะพัฒนาขึ้นเป็นเมืองต้นแบบที่พึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน และ สาม เมืองหนองจิก จ.ปัตตานี ที่จะพัฒนาขึ้นเป็นเมืองต้นแบบเกษตรอุตสาหกรรมก้าวหน้าแบบผสมผสาน

ซึ่งมีกรอบแนวคิดที่มุ่งเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ ที่จะร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านกลไก “ประสานประชารัฐ”

ก่อนหน้านี้ พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากรัฐบาลมีแผนผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้

"จะมีการประชุมเพื่อขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการโครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และการจัดตั้งคณะทำงานสานพลังประชารัฐ เพื่อรับผิดชอบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมภายในจังหวัดชายแดนภาคใต้” พล.ต.สรรเสริญกล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลจะแบ่งการขับเคลื่อนเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2560-2562 จะเป็นการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่าเรือปัตตานี และระยะที่ 2 พ.ศ. 2563-2565 จะเชื่อมโยงการขนส่งจาก 3 จังหวัด ไปยังประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์

และในเวลา 11.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะ ได้เดินทางไปยังอาคารหอประชุมเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีมอบโฉนดที่ดิน บริเวณเทือกเขาบูโด สุไหงปาดี ให้กับตัวแทนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 6 อำเภอของจังหวัดนราธิวาส จำนวน 800 ราย รวม 1,000 แปลง เพื่อใช้ประโยชน์ในการทำกินโดยที่ไม่ต้องกลัวถูกกล่าวหาว่าบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ

“นับจากนี้ไป จะมีความชัดเจน ในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขับเคลื่อนพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ สามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน รัฐบาลพร้อมที่จะผลักดันพื้นที่ที่มีปัญหามาแก้ไข ซึ่งจะเป็นปัญหาสำคัญในอันดับต้นๆ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในพิธีมอบโฉนด

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง