มหาเถรสมาคมพิจารณาความผิดพระธัมมชโยศุกร์นี้
2017.03.09
ปทุมธานี
ในวันพฤหัสบดี (9 มีนาคม 2560) นี้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ในวันศุกร์จะนำหนังสือที่กรมสอบสวนคดีพิเศษกล่าวหาพระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายกราบเรียนไปยังที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) เพื่อพิจารณาเรื่องการทำนิคหกรรมหรือการลงโทษทางวินัยสงฆ์ และเรื่องการให้พระภิกษุสละสมณเพศของพระธัมมชโย
ก่อนหน้านี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ยื่นหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวหาว่าพระธัมมชโย กระทำผิดวินัยสงฆ์ โดยท้ายหนังสือขอให้กราบทูลพระสังฆราช และมหาเถรสมาคมให้ดำเนินการทางพระธรรมวินัย
ทั้งนี้ ดีเอสไอตรวจสอบว่าพระธัมมชโยและเครือข่ายวัดพระธรรมกาย รับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น รวม 21 ครั้ง เป็นเงิน 1,205,160,000 บาท โดยไม่มีมูลหนี้กับสหกรณ์ฯ เข้าข่ายรับของโจรและฟอกเงิน ทั้งนี้ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่ถูกดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์ ถูกตัดสินจำคุกในเดือนมีนาคม 2559
และเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2559 เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งสำนวนคดีฟอกเงินและรับของโจรของพระธัมมชโยให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ซึ่งพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องพระธัมมชโยในความผิดฐานฟอกเงินและรับของโจร
ในวันนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวแก่สื่อมวลชนว่า ขั้นตอนในวันศุกร์ที่จะถึงนั้น จะนำหนังสือกราบเรียนไปยังที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) เพื่อให้พระชั้นผู้ใหญ่พิจารณาว่าจะมีคำสั่งการอย่างไร โดยขั้นตอนจะเป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 11 เรื่องเกี่ยวกับนิคหกรรม คล้ายกับการดำเนินทางวินัยสงฆ์ และกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 21 ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ
ในวันเดียวกัน ดีเอสไอได้สรุปจำนวนคดีทั้งหมดที่หน่วยงานรัฐฟ้องร้องดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกาย โดยระบุว่ามีทั้งสิ้น 346 คดี เป็นการฟ้องร้องเอาผิดกับพระธัมมชโย พระลูกวัดพระธรรมกาย มูลนิธิวัดพระธรรมกาย และลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ในข้อหาต่างๆ เช่น ความผิดที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน การบุกรุกพื้นที่ป่า และพื้นที่สาธารณะ เป็นต้น โดยออกหมายจับแล้วทั้งหมด 24 หมายจับ ในนั้นเป็นหมายจับเฉพาะของพระธัมมชโย 16 หมายจับ มีผู้เข้ามอบตัวแล้ว 3 ราย
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า ในการค้นหาวันที่ 22 นี้ยังไม่พบตัวพระธัมมชโย เจ้าหน้าที่มีความพยายามที่จะเข้าตรวจสอบอาคารบุญรักษา เนื่องจากยังมีข้อสงสัยในบริเวณดังกล่าว แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ
“เหตุผล ความจำเป็น หรือว่าข้อสงสัยในการพิสูจน์ทราบยังมีอยู่ เพราะในการที่เราเข้าวันนั้น ก็เข้าไปได้แค่หน้าประตู ก็ถูกผลักดันออก ทางสำนักพระพุทธศาสนาไปก็ไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน” พ.ต.ต.วรณันกล่าว
ปฎิบัติการจับกุมตัวพระธัมมโยของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจ และทหาร เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 16 ก.พ. 2560 หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย และห้ามบุคคลภายนอกเดินทางเข้าไปในเขตวัดเพิ่มเติม ซึ่ง พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมดีเอสไอ ได้กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า จะปฏิบัติภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้นภายในห้าวัน
ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย มอบตัวก่อนได้รับประกัน
และในวันเดียวกันนี้ พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกายได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองบังคับการปราบปรามเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ก่อนเจ้าหน้าที่ขออำนาจศาลอาญาฝากขัง และศาลให้ประกันตัวด้วยวงเงิน 4 แสนบาท นับเป็นพระรูปที่สองต่อจากพระครูปลัดเสกสรรค์ อัตตทโม ที่เข้ามอบตัวและโดนแจ้งข้อกล่าวหา
พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำพระสนิทวงศ์ โดยระบุว่า พระสนิทวงศ์ซึ่งถูกตั้งข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรืออื่นใดในความมุ่งหมายแก่รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนก่อให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร ม.116 ให้การยอมรับข้อเท็จจริง แต่ปฎิเสธข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงขออำนาจศาลฝากขัง
“อยู่ที่เรื่องการสอบสวน สรุปสำนวนสั่งฟ้องจะให้เสร็จได้ในอาทิตย์หน้า” พล.ต.ต.สุทินกล่าว
และเมื่อช่วงค่ำของวันพุธที่ผ่านมา สํานักนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศ ถอดถอนสมณศักดิ์ ของพระราชภาวนาจารย์ (พระทัตตชีโว หรือเผด็จ ทัตตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย โดยให้เหตุผลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้ที่พักพิงผู้ต้องหา และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้ สำนักนายกรัฐมนตรีได้ประกาศถอดสมณศักดิ์พระธัมมชโยด้วยเช่นกัน