งบปี 67 ผ่านวาระแรก แม้ถูกติงใช้งบไม่เหมาะสม
2024.01.05
กรุงเทพฯ

ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณประจำปี 2567 ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรวาระแรก ด้วยคะแนนเห็นชอบ 311 ไม่เห็นชอบ 177 และงดออกเสียง 4 แม้จะถูกอภิปรายโจมตีเรื่องการที่รัฐบาลวางใช้งบประมาณไม่เหมาะสม วางแผนกู้เงินเยอะ และให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงมากเกินไป
ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยัน จะรับคำวิจารณ์ของ สส. ไปปรับปรุงการบริหารใช้จ่ายงบประมาณ
ขั้นตอนต่อไปจะมีการตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อปรับแก้ไข และส่งให้สภาผู้แทนราษฎรมีลงมติในวาระ 2-3 ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน
การอภิปราย ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณประจำปี 2567 มีขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 มกราคม 2567 โดยให้เวลาฝ่ายค้าน และ ฝ่ายรัฐบาล (รวม ครม. ชี้แจง) ฝ่ายละ 20 ชั่วโมง ซึ่งฝ่ายค้านอภิปรายร่างกฎหมายฉบับนี้ในประเด็นที่การใช้งบประมาณอย่างไม่เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์
นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า การวางแผนใช้งบประมาณของรัฐบาลไม่มีแนวทางที่ชัดเจน
“เราจะพบว่ามันเป็นงบประมาณที่เป็นเบี้ยหัวแตก สะเปะสะปะ ไม่มียุทธศาสตร์ นโยบายเร่งด่วนบอกว่าจะให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งเราทราบกันดีว่าถ้าจะไปสู่จุดนั้น ในปีนี้คงจะต้องมีการจัดทำประชามติเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญอย่างน้อย 1-2 ครั้ง แต่เราก็ไม่เห็นการตั้งงบประมาณรอไว้สำหรับเรื่องนี้” นายชัยธวัช ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว
ขณะที่ น.ส. ศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า แม้รัฐบาลพยายามชี้ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ แต่กลับไม่มีการลดงบประมาณด้านความมั่นคง
“ทำไมงบกลาโหมเพิ่มขึ้น ทุก ๆ ครั้งที่ประเทศเกิดวิกฤต กระทรวงกลาโหมจะเสียสละเพื่อประเทศโดยการตัดลดงบประมาณเพื่อนำไปใช้พยุงเศรษฐกิจของประเทศ แต่ในวิกฤตของท่านเศรษฐาครั้งนี้ กลาโหมยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบ” น.ส. ศิริกัญญา กล่าว
น.ส. ศิริกัญญา ชี้ว่า ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณประจำปี 2567 ไม่มีแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลจะใช้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นโครงการหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งต้องมีการออก พ.ร.บ. เงินกู้ฯ วงเงิน 5 แสนล้าน
“รัฐบาลกำลังฝากความหวังทั้งหมดไว้กับ พ.ร.บ. เงินกู้ฯ เสมือนกับว่า เอาไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว ฉะนั้นมันมีความเสี่ยงสูงมากถ้าหากว่าเรา ไม่สามารถออก พ.ร.บ. เงินกู้ฯ ได้” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุ
ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ ปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2566 เป็น 9.3 % หรือ 2.95 แสนล้านบาท
กระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณมากที่สุดคือ มหาดไทย 3.53 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.57 % รองลงมาคือ ศึกษาธิการ 3.28 แสนล้านบาท เพิ่ม 0.31 % กระทรวงการคลัง 3.27 แสนล้านบาท เพิ่ม 14.73 % และกระทรวงกลาโหม 1.98 แสนล้านบาท เพิ่ม 1.96 % ตามลำดับ
นายรอมฎอน ปันจอร์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้ว่า การจัดสรรงบประมาณจำนวนมากของรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมาไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ จึงแนะนำให้รัฐบาลมุ่งเน้นแก้ปัญหาที่ขัดแย้งมานาน
“เป็นไปได้ไหมครับ ภายใต้เงื่อนไข หรืองบประมาณ ประมาณเนี้ย ฟื้นคดีสำคัญอันนึงที่เป็นปมสำคัญมาโดยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คดีตากใบ แล้วส่วนไปฟ้องปิดปาก ทำลายบรรยากาศสันติภาพ ทำลายบรรยากาศของการแสดงความคิดเห็น ขอให้ ผอ.รมน. ท่านนายกรัฐมนตรีกำชับหน่อยครับ” นายรอมฎอน กล่าว
ร่างฯ ปี 2567 จัดสรรงบตามแผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ 6.65 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 4 ร้อยล้านบาทจากปี 2566 โดยนายรอมฎอน ชี้ว่า ในนั้นมีงบประมาณสำหรับการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้เพียงประมาณ 20 ล้านบาท
ตลอดช่วงปี 2548-2566 รัฐบาลใช้เงินในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ 4.92 แสนล้านบาท แต่ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้(Deep South Watch) ระบุว่า ตั้งแต่มกราคม 2547 ถึงพฤศจิกายน 2566 มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นกว่า 22,200 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตกว่า 7,540 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 14,000 ราย
เศรษฐาน้อมรับคำแนะนำ
นายเศรษฐา ซึ่งเดินทางมาฟังการอภิปรายที่รัฐสภา ได้ลุกขึ้นชี้แจงในบางประเด็นที่รัฐบาลถูกพาดพิง
“ผมเชื่อว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่นั่งอยู่ในที่นี้ ทุกท่านมีความใส่ใจในแง่ของความสงบ ความเรียบร้อยของพี่น้องประชาชนในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครทั้งนั้น ที่ท่านได้ให้ความกรุณาวิเคราะห์เรื่องงบมาผมก็จะได้น้อมรับไปพิจารณา ไปพูดคุยว่า จะทำยังไงต่อไป เพื่อที่จะทำให้งบมีประโยชน์สูงสุด” นายเศรษฐา กล่าว
ขณะที่ประเด็นด้านความมั่นคง นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมชี้แจงว่า “งบประมาณของกองทัพ มันเป็นการเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ลดลง ยอดรวมอาจจะสูงขึ้น แต่สัดส่วนเมื่อเทียบกับงบประมาณแผ่นดินมันลดลง งบมันจะเริ่มเห็นลดลงในปีต่อไป ๆ สัมพันธ์กับกำลังพลที่ลดลง”
นายสุทิน ระบุว่า ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ ปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2566 เป็น 9.3% แต่งบประมาณกระทรวงกลาโหม 1.98 แสนล้านบาท เป็นเพียง 5.7% ของงบประมาณทั้งหมด จากที่ในยุครัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา งบประมาณกระทรวงกลาโหมคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 7% ของงบประมาณแต่ละปี
รมว. กลาโหม ยังชี้แจงว่า กระทรวงมีแผนที่จะปรับลดกำลังพลจากที่ปัจจุบัน มี 2.40 แสนนาย ให้ลดเหลือ 2.26 แสนนายภายในปี 2570 และมีแผนที่จะปรับลดการเกณฑ์ทหาร เพื่อปรับสู่การเป็นทหารโดยสมัครใจ ซึ่งคิดว่าแนวทางนี้จะช่วยลดงบประมาณของกระทรวงได้เพิ่มขึ้นอีก
ด้าน ผศ.ดร. ธัญณ์ณภัทร์ เจริญพานิช สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม ระบุว่า ร่างงบประมาณนั้นแทบจะไม่ตรงกับที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงเอาไว้ หน่วยงานด้านเศรษฐกิจได้รับงบประมาณน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
“สิ่งที่เป็นจุดขายของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลชุดนี้ มาโดยตลอด ก็คือนโยบายทางเศรษฐกิจ แต่จากร่างงบประมาณนี้ ยังไม่มีความชัดเจน คือไม่เห็นเลยว่าจะเน้น จะขายอะไรกันแน่ ยังไม่รวมถึงรัฐบาลไม่ได้สนใจพัฒนาท้องถิ่นและการศึกษา เพราะงบประมาณน้อยกว่ากระทรวงใหญ่ ๆ อย่างมหาดไทยอยู่มาก นอกจากนี้เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่ารัฐบาลจะชดเชยการตั้งงบขาดดุลที่ตั้งไว้ได้” ผศ.ดร. ธัญณ์ณภัทร์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์"