อุตสาหกรรมแถลงกากแคดเมียมกลับตากแล้ว 100%
2024.07.11
กรุงเทพฯ

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กากแคดเมียมที่ถูกลักลอบขนมายังกรุงเทพฯ สมุทรสาคร และชลบุรี ถูกขนกลับจังหวัดตาก ซึ่งเป็นต้นทางแล้วทั้งหมด 100% โดยยืนยันว่า ตรวจสอบแล้วไม่พบการรั่วไหล ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ โดยตั้งเป้าหมายฝังกลบกากแคดเมียมทั้งหมดภายในเดือนพฤศจิกายน 2567
“การขนย้ายกากตะกอนแคดเมียมที่ตรวจพบทั้งหมดจากพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร และชลบุรี กลับไปยังพื้นที่ต้นทาง จ.ตาก ได้ดำเนินการขนย้ายเสร็จทุกพื้นที่ครบ 100% โดยใช้รถขนส่งเป็นรถตู้คอนเทนเนอร์ที่ปิดคลุมมิดชิด ทั้งหมด 441 เที่ยว พร้อมรถตำรวจนำขบวนเพื่อควบคุมความปลอดภัยตลอดการขนส่ง” นายณัฐพล เปิดเผย
นายณัฐพล ระบุในการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหา และการขนย้ายกากตะกอนแคดเมียมเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน ครั้งที่ 4/2567 ว่ากากตะกอนแคดเมียมที่ขนย้ายกลับโรงพักคอย จ.ตาก รวมจำนวนทั้งสิ้น 8,568 ถุง วัดน้ำหนักได้ 12,912 ตัน
เป็นการย้ายจาก บริษัท ล้อโลหะไทย เมททอล จำกัด กรุงเทพฯ 142 ตัน, บริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด สมุทรสาคร 6,962 ตัน, บริษัท ซิน หงส์ เฉิง อินเตอร์ เทค (2008) สมุทรสาคร 1,008 ตัน โกดังตำบลคลองมะเดื่อ สมุทรสาคร 549 ตัน โกดังที่ตำบลคลองกิ่ว ชลบุรี 4,250 ตัน
“มีการตรวจสอบร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ร่วมตรวจสอบเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 โดยได้ตรวจสอบการรั่วซึมของบ่อฝังกลบแคดเมียม โดยการฉีดน้ำประมาณ 50 ลูกบาศก์เมตร ผลปรากฏว่าไม่พบการรั่วซึมแต่อย่างใด” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผย
กรณีที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจาก นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส. ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวในวันที่ 3 เมษายน 2567 ว่ามีการร้องเรียนว่าบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ตาก ขายกากแร่แคดเมียมเศษเหลือจากการทำเหมืองแร่ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งให้กับ บริษัทแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และส่งผลกระทบกับประชาชน
ในวันถัดมา นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และคณะจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานหลอมหล่ออะลูมิเนียมแท่ง บริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด ใน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พบกากแร่แคดเมียมจริง จึงได้สั่งการให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ และต่อมามีการพบในพื้นที่อื่น ๆ และจะต้องนำกากแร่ดังกล่าวกลับไปยังพื้นที่ฝังกลบในจังหวัดตาก
นายอัครเดช เคยเปิดเผยกับสื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภาว่า พบข้าราชการเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนย้ายกากแร่ครั้งนี้
“มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนต้นทางปลายทางหรือส่วนกลางรอให้มีความชัดเจนอีกครั้งจะแจ้งให้ทราบอีกทีนึง เรียกร้องให้นายกฯ หยิบยกเรื่องนี้มาเป็นวาระแห่งชาติ ในการดำเนินการกับนักลงทุนจีนสีเทาทางด้านอุตสาหกรรมที่ละเมิดกฎหมาย เพราะ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ทุนจีนกระทำความผิดซ้ำซาก ทำให้เกิดผลกระทบกับประชาชนต่อเนื่องรุนแรง ซึ่งทาง กมธ. เคยสอบสวน และให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินคดีมาแล้ว” นายอัครเดช กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนย้ายกากแคดเมียมออกจากบ่อฝังกลบในจังหวัดตาก แม้ภาครัฐจะยืนยันว่า การขนย้าย และฝังกลบจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ แต่ก็ทำให้ชาวบ้านเกิดความกังวลใจ
“เราตกใจและกังวลใจเรื่องการขนย้ายกากแคดเมียม เพราะเราเป็นคนในจังหวัดตาก เป็นคนในพื้นที่ เราคิดว่าทำไมเขาไม่หาทางกำจัด หรือหาที่เหมาะสมกว่านี้ เราได้แต่คาดหวังว่ารัฐบาลจะจัดการได้อย่างดี เพื่อไม่ให้กระทบชาวบ้าน” นางนัยนา (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ชาวบ้านใน อ.พบพระ จ.ตาก กล่าวกับเบนาร์นิวส์
แคดเมียม เป็นโลหะหนัก มักพบปนอยู่กับแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น แร่สังกะสี แร่ตะกั่ว หรือทองแดง และมักเป็นผลผลิตจากการทำเหมืองสังกะสี สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ผ่านการกิน และการหายใจ เมื่อถูกความร้อน 321 องศาเซลเซียส สามารถกระจายเป็นควัน เมื่อเข้าสู่ร่างกายคนจะทำให้เกิดการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย มีปวดศีรษะ กล้ามเนื้อ ปวดท้อง ปอด ไต และตับ จะถูกทำลาย สามารถทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ระบบหายใจล้มเหลว และเป็นมะเร็งได้
ดร. ณัฐฐา แสงนรินทร์ เหมจินดา อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ระบุว่า ในอนาคตภาครัฐควรใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก
“ประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงโกดังที่จัดเก็บกากแคดเมียมอย่าเพิ่งตื่นตระหนก เบื้องต้นจะต้องใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการสูดดมสารแคดเมียมที่อาจกระจายตัวอยู่ในอากาศ แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีความแน่ชัดว่ามีการปนเปื้อนหรือกระจายไปก็ตาม ส่วนภาครัฐต้องสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาต่อไปประชาชน” ดร. ณัฐฐา กล่าว