ชาวบ้านเชื่อระเบิดรถไฟเชื่อมโยงบีอาร์เอ็นหนุนผู้ประท้วงชาวจะนะ

เจ้าหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ได้เกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบวางระเบิดขบวนรถไฟสายสุไหงโกลก-นครศรีธรรมราช ในเวลาเกือบเที่ยงวันของวันจันทร์นี้ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ขณะที่ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นฝีมือของขบวนการบีอาร์เอ็นอีกครั้งที่ได้แสดงถึงการสนับสนุนการประท้วงของชาวบ้านต่อโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ซึ่งดำเนินอยู่ในกรุงเทพฯ มาอย่างต่อเนื่องจนถึงขณะนี้

อย่างไรก็ตาม พ.อ. เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า เรื่องทั้งสองไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน

ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่พฤหัสบดีที่แล้วซึ่งกลุ่มแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายู (บีอาร์เอ็น) แถลงทางยูทูบประณามการสลายการชุมนุมประท้วงของกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันจันทร์ ได้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอย่างน้อยสี่ครั้ง 

ในวันนี้ พ.ต.อ. อุทัย ทิพย์เสภา ผกก.สภ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี กล่าวว่า ในเวลาเกือบเที่ยงครึ่ง ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดชนิดแสวงเครื่องริมทางรางรถไฟ ขณะที่ขบวนรถไฟที่ 452 สุไหงโกลก-นครศรีธรรมราช จะมาถึงสถานีตาแปด (ระหว่างปัตตานี-ตาแปด) ในพื้นที่ บ.สามยอด ม.8 อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี แรงระเบิดเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 คน ทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาลโคกโพธิ์

“รายชื่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บคือ นายชยพล ยิ้มแก้ว เจ้าหน้าที่พลขับรถไฟ ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวนแขนซ้าย ลำคอ ใบหน้าซ้าย เป็นบาดแผล, นายสันติบุรี เภาเส็น เจ้าหน้าที่รถไฟ อายุ 28 ปี อาการหูอื้อ และ น.ส. วันอารีนีย์ สำตาลี อายุ 24 ปี มีอาการเจ็บไหล่ซ้าย ส่วนด้านหลังมีรอยช้ำ” พ.ต.อ. อุทัย กล่าวกับผู้สื่อข่าว

อีกสองชั่วโมงถัดมา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ชุดอีโอดี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สามฝ่าย เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ตรวจพบระเบิดชนิดแสวงเครื่องอีก 1 ลูก ซุกซ่อนห่างจากรางรถไฟประมาณ 50 เมตร เจ้าหน้าที่จึงยิงทำลายทำให้ไม่มีความสูญเสียเพิ่ม

ในเรื่องนี้ นางอีเสาะ กามา แม่ค้าขายของ ในจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า แม้ชาวบ้านจะเคยชินกับความรุนแรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกครั้งต้องมีสาเหตุ ซึ่งในที่นี้คือโครงการอุตสาหกรรมจะนะ จังหวัดสงขลา

“ช่วงนี้ จะนะแรงมาก กลุ่มบีอาร์เอ็นร่วมช่วยชาวบ้านแล้ว เพราะคนส่วนมากเขาค้านกันทั้งนั้น นอกจากกลุ่มที่ได้ประโยชน์ที่บอกว่ามันดี และเชื่อว่าเหตุการณ์ช่วงนี้ บีอาร์เอ็นทำขึ้นเพราะต้องการตอบโต้ ศอ.บต. ที่ยังเดินหน้าโครงการ” นางอีเสาะ กล่าวกับเบนาร์นิวส์

ด้าน พ.อ. เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่าเหตุการณ์ทั้งสองไม่ได้เกี่ยวข้องกัน

“เขาก็พยายามที่จะทำทุกครั้งที่มีโอกาสอยู่แล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะไม่เกี่ยวกับจะนะ จริง ๆ แล้วไม่อยากจะกล่าวถึงตรงนี้ เพราะว่ามันก็น่าจะเป็นคนละประเด็นกัน” พ.อ. เกียรติศักดิ์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ดูเหมือนจะเกิดถี่ขึ้นนั้น เพราะเขาพยายามที่จะก่อเหตุทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะยุทธวิธีที่เขาใช้ก็วิธีการเดิมๆ เช่นทำร้ายครู ทำร้ายพระ ทำร้ายพี่น้องที่นับถือศาสนาต่างกัน สรุปได้ว่าอะไรก็ได้ที่เขาสามารถทำได้” พ.อ. เกียรติศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม

ในก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุระเบิดรถไฟ มีคนร้ายขว้างระเบิดแสวงเครื่องชนิดไปป์บอมบ์ใส่หน้าฐานปฏิบัติการ กองร้อย ทพ. 4616 ฉก.ทพ. 46 ซึ่งตั้งอยู่บ้านลาเมาะนอก ม.3 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ส่วนในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ ได้เกิดเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน ประจำชุดคุ้มครอง ต.กาลิซา อ.ระแงะ นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บเล็กน้อย และในวันที่ 11 ธันวาคม คนร้ายวางระเบิดในพื้นที่เขตเทศบาลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หมายสังหารพระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาตรพร้อมด้วยชุดคุ้มครอง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ประท้วงโครงการนิคมฯ จะนะ

ในวันจันทร์ที่แล้ว ตำรวจจับกุมตัวผู้ประท้วง 37 คน ที่ชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเรียกร้องให้รัฐบาลเคารพบันทึกความเข้าใจ และเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กับผู้ชุมนุมก่อนให้ประกันตัว โดยมีเงื่อนไขห้ามชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลอีก ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ปฏิเสธว่า คณะรัฐมนตรียังไม่ได้ให้ความเห็นชอบต่อบันทึกความเข้าใจที่อ้างนั้น

อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ ผู้ชุมนุมทั้งที่เคยถูกจับ และรายอื่น ๆ กว่าร้อยคนยังคงกลับไปประท้วงอีก และประกาศว่าจะไม่ยอมถอยจนกว่ารัฐบาลจะทำตามเงื่อนไขที่ น.ส. มัยมูเนาะ บุตรดี แกนนำผู้ประท้วง ระบุ คือ 1. รัฐบาลต้องตรวจสอบการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ถึงความไม่ปกติของโครงการทั้งหมดในทุกมิติ 2. รัฐบาลต้องจัดให้มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในเชิงยุทธศาสตร์แบบมีส่วนร่วม อันเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะเดินหน้าหรือยุติโครงการ 3. รัฐบาลต้องหยุดดำเนินการทุกอย่างจนกว่าจะดำเนินการในข้อ 1 และข้อ 2 แล้วเสร็จ และ 4. ยุติการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม

ด้าน นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธาน TPIPP ซึ่งเป็นบริษัทที่มีส่วนได้เสียกับโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ได้เขียนข้อความกล่าวโทษกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์จากการเข้าครอบครองพื้นที่สวนกงโดยมิชอบ แม้รัฐบาลจะจัดพื้นที่ให้ประชาชนเข้าไปใช้เป็นเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนตากอากาศ โดยระบุว่า กลุ่มคนดังกล่าวนั้น คือผู้กระตุ้นใช้ชาวบ้านประท้วง

“มีกลุ่มนักเลงหัวไม้ อ้างตัวเป็นเจ้าพ่อทะเลเข้าไปยึดทำการสร้างบ้านเรือนเป็นหมู่บ้านที่อยู่อาศัยอย่างผิดกฎหมาย โดยที่รัฐบาลไม่ได้สนใจที่จะยึดที่คืน” นายประชัย กล่าวทางเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวานนี้

เมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อนุมัติการริเริ่มโครงการอุตสาหกรรมจะนะ เพื่อเป็น “เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเฉพาะจังหวัดชายแดนภาคใต้” โดยหวังแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ และปัญหาความไม่สงบในพื้นที่

ในการนี้ รัฐบาลได้อนุมัติให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ดำเนินโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ร่วมกับ บมจ. ทีพีไอพีพี และ บมจ. ไออาร์พีซี บนพื้นที่ 16,753 ไร่ คาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุน 18,680 ล้านบาท โดยชาวบ้านได้กล่าวหาว่า รัฐบาลเอื้อประโยชน์ต่อ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารระดับสูง ที่เชื่อว่ามีสายสัมพันธ์พิเศษกับมูลนิธิป่ารอยต่อของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

จากนั้น แม้ว่าจะมีการทำประชาพิจารณ์ ก็ได้มีการประท้วงโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเมื่อปลายปี 2563 ผู้ประท้วงกล่าวว่า ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในขณะนั้นได้เป็นผู้แทนรัฐบาล ทำบันทึกความเข้าใจกับชาวบ้านว่า รัฐบาลจะตกลงยุติการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวกับโครงการไว้ก่อน เช่น การไม่เปลี่ยนผังเมืองจากสีเขียว (พื้นที่การเกษตร) เป็นสีม่วง (พื้นที่อุตสาหกรรม) และตั้งคณะอนุกรรมการกำกับติดตามการแก้ไขปัญหาโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ในอำเภอจะนะ โดยให้มีองค์ประกอบของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนในพื้นที่เพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของ ศอ.บต. ที่ผ่านมา