ก้าวไกลจับมือ 5 พรรคตั้งรัฐบาล

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2023.05.17
กรุงเทพฯ
ก้าวไกลจับมือ 5 พรรคตั้งรัฐบาล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ขวา) เชิญแกนนำอีก 5 พรรคการเมือง รวมถึง นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (ซ้าย) หารือเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ที่ร้านอาหาร CHEZ MILINE ถนนสุโขทัย เขตดุสิต กรุงเทพฯ
เอเอฟพี

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมรับประทานอาหารค่ำกับแกนนำอีกห้าพรรคพันธมิตร เพื่อหารือในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันเป็นครั้งแรก หลังจากที่พรรคฝ่ายประชาธิปไตยมีชัยชนะเหนือฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่างล้นหลามในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม

“ทุกอย่างราบรื่นดี และรอการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการพรุ่งนี้” นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวหลังเสร็จการหารือกับพรรคร่วมอุดมการณ์ ที่ร้านอาหาร CHEZ MILINE ย่านเขตดุสิต ในเย็นวันพุธนี้

นายพิธา ได้พูดคุยหารือกับ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พรรคเสรีรวมไทย, สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย, วันมูหะมัดนอร์ มะทา พรรคประชาชาติ, นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว พรรคเพื่อไทย และกัณวีร์ สืบแสง พรรคเป็นธรรม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในการ “ประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน” ในเวลา 10:00 น. ที่โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ในวันพฤหัสบดีนี้

ทั้งหกพรรคมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) รวม 310 คน ซึ่งยังต้องการเสียงสนับสนุนอีกอย่างน้อย 66 เสียงจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หรือแม้แต่จาก ส.ส. ฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้ครบจำนวนเสียง 376 เสียง ตามที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 กำหนด ขณะที่ผู้สันทัดกรณีและนักวิเคราะห์เชื่อว่า ส.ว. จำนวนหนึ่งอาจจะไม่ออกเสียงรับรองนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี   

ในการให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นในวันนี้ นายพิธาได้แสดงความมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะอุปสรรคนี้ได้

“มันไม่ได้เป็นทางตันที่ไม่สามารถแก้ไขได้ สมาชิกวุฒิสภาไม่ได้มีความเป็นอันหนึ่งเดียวกันเหมือนกับเมื่อสี่ปีก่อน สังคมมีการเปลี่ยนแปลงความคิดเห็น และได้แสดงออกมาให้เห็นผ่านการเลือกตั้ง จึงไม่ได้จำเป็นเสมอไปว่า ส.ว. ไม่ว่าที่ทหารตั้งมา จะโหวตเหมือนเมื่อสี่ปีก่อน หากว่าเรายังสื่อสารและอธิบายว่า เราจะทำอะไรให้กับประเทศชาติ เรามีความหวังดีต่ออนาคตของชาติอย่างไร... และความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการต่อต้านเสียงโหวต 25 ล้านคน จะมีมากโข” นายพิธากล่าว

หลังจากการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส.ว. หลายรายได้ออกมาแสดงจุดยืนในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในทิศทางที่แตกต่างกันออกไป

นายวันชัย สอนสิริ ส.ว. ที่มีบทบาทสำคัญ ได้แสดงจุดยืนตามหลักการที่เป็นกลาง ๆ ว่าในการโหวตของตน จะโหวตให้ในกรณี “หนึ่ง ใครรวมเสียง ส.ส. ได้ข้างมากก็โหวตให้คนนั้น, สอง เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยและตามความต้องการของเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน และสาม เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง”

“ถ้าโหวตแล้วพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ก็เป็นไปตามที่เสียงส่วนใหญ่โหวตให้ แต่ถ้าโหวตแล้วไม่ผ่าน ไม่ได้เป็น ก็ต้องให้คนอื่นเขาจัดตั้งรัฐบาลต่อไป พรรคก้าวไกลก็ไปเป็นฝ่ายค้าน” นายวันชัยอธิบาย

ด้านนายทรงเดช เสมอคำ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวกับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ว่า ส.ว. ต้องเคารพสิทธิเคารพเสียงส่วนมากของประชาชน ในกรณีที่พรรคก้าวไกลสามารถรวมเสียงได้มากเกินครึ่งของ ส.ส. คือ 251 เสียงขึ้นไป ตนก็พร้อมที่จะโหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ในขณะที่ ส.ว. อย่างน้อยอีกสองราย ได้แก่ ภัทรา วรามิตร และวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ มีความเห็นเช่นเดียวกัน

ส่วนหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ กล่าวว่า ตนมีความข้องใจในเรื่องนโยบายของพรรคก้าวไกลที่ต้องการแก้ไข มาตรา 112 หรือกฎหมายอาญาป้องกันการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์

ขณะที่ นายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ตนไม่ได้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีโดยดูเฉพาะเรื่องเสียงข้างมาก แต่จะดูเรื่องความเหมาะสมของนโยบายพรรค โดยตนยังติดใจ เรื่องการแก้ไขหรืออาจจะถึงถึงขั้นยกเลิกมาตรา 112

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า นับตั้งแต่ที่กลุ่มเยาวชนได้เดินขบวนขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 ถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีประชาชนที่ถูกดำเนินคดีจากสถานการณ์ชุมนุมและการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แล้วอย่างน้อย 1,895 คน ในจำนวน 1,180 คดี ในนั้นเป็นข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างน้อย 233 คน จาก 253 คดี ปัจจุบันมีผู้ที่ถูกควบคุมตัวจากคดีที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างน้อย 5 คน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง