แม่ยื่นเรื่องขอย้าย 'เพนกวิน' และเพื่อน รักษาโควิด-19 นอกเรือนจำ

นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน เดินทางไปยื่นหนังสือที่กระทรวงยุติธรรมในวันจันทร์นี้ เพื่อขอร้องให้กรมราชทัณฑ์ย้ายนายพริษฐ์ และเพื่อน ซึ่งติดโควิด-19 จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพราะเพนกวินมีอาการโรคประจำตัวกำเริบ

ด้านกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า ปัจจุบัน นายพริษฐ์อาการยังไม่น่าเป็นห่วง และโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ดูแลผู้ป่วยตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข

นายพริษฐ์ ซึ่งถูกฟ้องร้องคดีหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างน้อย 20 คดี และ นายศิริชัย นาถึง หรือนิว ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2564 สาเหตุจากการชุมนุมบริเวณหน้ากองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม และต่อมาในวันที่ 16 สิงหาคม 2564 กรมราชทัณฑ์ยืนยันว่า ทั้งสองคนติดโควิด-19 ในระหว่างถูกฝากขังที่เรือนจำอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี จึงถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์

นางสุรีย์รัตน์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวขณะที่ไปยื่นหนังสือที่กระทรวงยุติธรรมในวันจันทร์นี้ว่า ข้อมูลที่ได้รับจากบุตรชายทำให้ต้องมายื่นหนังสือทวงถามเรื่องการย้ายตัวนายพริษฐ์ไปรักษาที่อื่นอีกครั้ง

“เพนกวินบอกแม่ว่า มีอาการเหนื่อย ต้องใช้ออกซิเจนตลอด หมอลืมให้ยา เพนกวินมีโรคประจำตัว ตอนกลางคืนเจ็บหน้าอก ขอเจอหมอก็ไม่มี เจ้าหน้าที่ยังทำเล่น ๆ ขอให้ทุกคนจับตาดูอย่างใกล้ชิด” นางสุรีย์รัตน์ กล่าว

“เด็กทั้งสองคน (พริษฐ์และศิริชัย) ถูกจับกุม แล้วก็มีอาการติดโควิดจากในเรือนจำ ตอนนี้ถูกนำมารักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ แล้วพวกเราก็เป็นห่วงเรื่องอาการของเด็ก ๆ และความปลอดภัยต่าง ๆ เราได้ประสานเพื่อขอย้ายไปตัวไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เราทั้งคณาจารย์ได้ทำเรื่องตั้งแต่วันที่ 16 สิงหา ยังไม่ทราบความคืบหน้า” นางสุรีย์รัตน์ กล่าวเพิ่มเติม

ด้าน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า คุณพริษฐ์ และศิริชัย มีอาการทรุดลงจนน่าเป็นห่วง

“เขาก็เป็นคนมีน้ำหนักสูง เราพิจารณาตามข้อกฎหมายแล้ว กรมราชทัณฑ์สามารถกระทำการได้ ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลข้างนอก ซึ่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ยินดีที่จะรับนักศึกษาไปรักษาแล้ว อย่าเอาชีวิตของเด็กมาเสี่ยงกับการแก้แค้นเรื่องของการเมือง เราพูดถึงฝ่ายอื่น ๆ และผมคิดว่ากระทรวงยุติธรรมคงไม่ทำแบบนั้นอยู่แล้ว” นายกฤษฎางค์ กล่าว

ในวันนี้ นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะตัวแทนรับหนังสือยืนยันว่า กระทรวงฯ จะเร่งดำเนินการ และให้คำตอบเรื่องการร้องขอย้ายตัวโดยเร็วที่สุด และจะมีการเปิดเผยอาการของผู้ป่วยต่อเนื่อง

“เรามีกระบวนการที่รักษาเต็มที่อยู่แล้ว กระทรวงเอง กรมเอง ไม่นิ่งนอนใจแน่ จะมีรายงานสถานะการรักษาอยู่ อาการที่ได้รับบางส่วน โรงพยาบาลเองเขาคิดว่า เขาสามารถรับรักษาตัวอยู่” นายวัลลภ กล่าว

ในวันเดียวกัน นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ แถลงยืนยันว่า นักเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกคนที่ติดโควิด-19 อาการไม่น่าเป็นห่วง

“อาการวันนี้ของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน พูดคุยรู้เรื่อง ไม่มีอาการหายใจเหนื่อยหลังทำกิจกรรม เดินออกกำลังกายบริเวณรอบเตียงในห้องผู้ป่วยได้ หายใจปกติ สามารถทำกิจวัตรประจำวันเองได้ จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรสได้ตามปกติแล้ว นอนพักผ่อนได้ดี สัญญาณชีพ ออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ แพทย์รักษาตามอาการ ร่วมกับยาพ่นประจำตัว” นายธวัชชัย กล่าว

นายธวัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลราชทัณฑ์มีการรักษาที่ได้มาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข และกรมราชทัณฑ์ดำเนินรักษษผู้ป่วยทุกคนในมาตรฐานเดียวกัน และป่วยจะต้องเข้าถึงยาฟาวิพิราเวียร์ทุกคน

ทั้งนี้ นางสุรีย์รัตน์ ได้ยื่นหนังสือต่อกรมราชทัณฑ์ไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 จากนั้น ในวันที่ 20 สิงหาคม 2564 รศ. โรจน์ คุณเอนก รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ได้ยื่นหนังสือเพื่อขอให้นำตัวนายพริษฐ์ และนายศิริชัย ไปรักษาตัวที่อื่นเช่นกัน แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้รับคำตอบจากกรมราชทัณฑ์

ปัจจุบัน มีนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างน้อย 11 รายรวมถึงนายพริษฐ์, นายศิริชัย, นายอานนท์ นำภา, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ และนายภานุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ และเรือนจำอำเภอธัญบุรี ในนั้นมี 4 รายที่กรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่าติดโควิด-19 คือ นายพริษฐ์, นายศิริชัย, พรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า และนายแซม สาแมท

ก่อนหน้านี้ แกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร อาทิ นายอานนท์ นำภา, นายภาณุพงศ์ จาดนอก, นายชูเกียรติ แสงวงค์ และ น.ส. ปนัสยา เคยได้รับการยืนยันว่าติดโควิด-19 หลังถูกควบคุมตัวในเรือนจำ แต่ทั้งหมดได้รับการรักษาจนหายขาดแล้วในปัจจุบัน

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า นับตั้งแต่มีการชุมนุมของประชาชน เรียกร้องให้ 1. นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง 2. ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และ 3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เมื่อเดือนเดือนกรกฎาคม 2563 ถึงปัจจุบัน มีประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม และแสดงความเห็นทางการเมืองมากกว่า 700 คนถูกดำเนินคดี ในคดีความกว่า 400 เรื่อง โดยในจำนวนทั้งหมดเป็นคดีหมิ่นเบื้องสูง หรือ ม.112 อย่างน้อย 120 ราย ใน 122 คดี