อดีตตำรวจยิง-แทงเด็กเล็กและครู ตายอย่างน้อย 38 ราย

เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหนองบัวลำภู ยืนยันในตอนค่ำของวันพฤหัสบดีนี้ว่า ล่าสุด มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 38 ราย ในนั้นเป็นเด็กเล็กอย่างน้อย 24 คน โดยน้ำมือของอดีตสิบตำรวจเอกที่ยิงและแทงพวกเขา ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จังหวัดหนองบัวลำภู ในตอนกลางวัน ก่อนที่จะกลับมายิงลูกและเมียที่บ้านแล้วฆ่าตัวตายตาม 

เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นที่สะเทือนขวัญของสังคมไทยและนานาชาติ ที่ผู้คนพากันค้นหาเหตุจูงใจที่น่าสะพรึงกลัว

พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุคือ ส.ต.อ. ปัญญา คำราบ อดีตตำรวจที่ถูกให้ออกจากราชการ เพราะมีคดียาเสพติดเมื่อกลางปีนี้ โดยเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากความเครียดและการเสพยาเสพติด

“คนร้ายมีความพยายามจะบุกเข้าไป มีอาการคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธมีดเป็นหลักในการที่จะก่อเหตุ ทำให้เด็กเสียชีวิตจำนวนมาก” พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กล่าวในการแถลงข่าวที่จังหวัดหนองบัวลำภู ในเวลา 18.00 น.

“ในนั้นมีผู้หนีรอดได้บางส่วน หลังจากออกจากศูนย์เด็กเล็กแล้ว ไปพบเห็นใครก็ใช้ไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืนเข้าไปทำร้ายจนเสียชีวิต จนหนีไปบ้าน ในที่สุดเราก็ปิดล้อม แล้วก็พบว่ามีการฆ่าตัวตายในภายหลัง... สาเหตุก็น่าจะเครียดที่ต้องไปขึ้นศาลแล้วก็อาจจะมาจากเมายา ซึ่งเราตรวจสอบเบื้องต้น” พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม

ในตอนค่ำ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหนองบัวลำภู อัพเดตยอดผู้เสียชีวิตว่ามี 38 คน รวมทั้งผู้ก่อเหตุและครอบครัว และส่วนหนึ่งรับการรักษาพยาบาลอยู่

ด้าน พ.ต.อ. จักรพรรดิ วิจิตรไวทยะ ผกก. สภ.นากลาง กล่าวว่า ส.ต.ท. ปัญญา คำราบ เป็นอดีตตำรวจ สภ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งมีปัญหาส่วนตัว 

"เขามีปัญหาครอบครัว ถูกไล่ออกจากราชการ มีคดีติดยาเสพติด น่าจะเป็นสาเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้" พ.ต.อ. จักรพรรดิ กล่าวกับผู้สื่อข่าว

ส่วน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"มันไม่ควรเกิดขึ้น... สังคมต้องช่วยกันดูแล บางคน ไม่รู้ว่าเขามีอะไรอยู่ในใจ" พล.อ. ประยุทธ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังเกิดเหตุการณ์

ทางด้านแม่ของหนึ่งในเด็กที่เสียชีวิต (สงวนนามสกุล) กล่าวกับข่าวช่อง 8 ว่า “รับไม่ได้ มันจุกไปหมด ไม่คิดว่าจะมาเจอกับคนในครอบครัวตัวเอง"

เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนเฝ้าอยู่หน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรค์ จังหวัดหนองบัวลำภู สถานที่เกิดเหตุ หลังจากเหตุกราดยิงและไล่แทงเด็ก ๆ ครู และชาวบ้าน วันที่ 6 ตุลาคม 2565 (รอยเตอร์)

ด้าน พล.ต.ต. ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 4 สรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อเวลาประมาณเที่ยงวัน ส.ต.อ. ปัญญา เดินทางไปที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก พร้อมด้วยปืนและมีด เริ่มยิงพ่อลูกคู่หนึ่งก่อนเดินเข้าไปในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และยิงครูที่พยายามปิดประตูไม่ให้ผู้ก่อเหตุเข้าไปในห้องที่เด็กกำลังนอนกลางวันอยู่ เมื่อ ส.ต.อ. ปัญญา เปิดประตูเข้าไปได้ จึงใช้มีดทำร้ายเด็ก ๆ จนเสียชีวิต

หลังจากก่อเหตุเสร็จแล้ว ส.ต.อ. ปัญญา ได้ใช้รถยนต์กระบะขับไล่ชนผู้คนบนท้องถนน ใช้ปืนยิงซ้ำคนที่ล้มลง จากนั้นได้กลับไปถึงบ้านพักของตนเอง ในเวลาประมาณบ่ายสองโมง ได้เผารถยนต์กระบะที่ขับ แล้วยิงลูกและภรรยาจนเสียชีวิตก่อนยิงตัวตาย 

ด้านนางพวงเพชร์ อระบุตร หนึ่งในผู้ที่เห็นเหตุการณ์ได้เล่าผ่านช่องพีพีทีวีว่า ตนได้ยินเสียงปืน แต่ในทีแรกคิดว่าเป็นเด็กจุดประทัด จากนั้นจึงทราบว่ามีผู้ก่อเหตุร้าย

"ได้ยินแล้วพากันตกใจ ปัง ปัง ปัง ปัง เขาขับรถยนต์เข้ามา แล้วไปหน้าตึกเด็ก จะพังประตู เขายิงเจ้าหน้าที่ ที่ทางเข้าตรงโรงครัว ผู้ใหญ่สี่ เด็กหนึ่งตาย” นางพวงเพชร์กล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า ส.ต.อ. ปัญญา เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเข้ารับราชการตั้งแต่ปี 2555 สังกัด สภ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู เพิ่งถูกไล่ออกจากราชการเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาจากความผิดวินัยร้ายแรง เนื่องจากพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและมียาเสพติดในครอบครอง ในตอนเช้าของวันเกิดเหตุ ส.ต.อ. ปัญญา ได้ไปขึ้นศาลในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ด้านแม่ของ อดีต ส.ต.อ. ปัญญา กล่าวว่า ไม่ทราบสาเหตุที่ลูกชายกระทำการในครั้งนี้ 

“ไม่รู้เลย (สาเหตุการก่อเหตุ)... แต่ว่าลูกยังไงก็ต้องติดยาบ้า ก็เตือนกันบ่อย ๆ ให้หยุดนะลูกนะ ตามที่แม่ดูลูกยังไงก็ติดยา ตอนย้ายมาอยู่ที่นี่ ตอนอยู่กรุงเทพฯ ไม่ติด อ้วนขาว มีสง่าราศี อยู่กรุงเทพฯ เป็นตำรวจอยู่หกปี ย้ายมานี่อยากมาอยู่ดูแลแม่” แม่ผู้ก่อเหตุ กล่าวกับไทยรัฐทีวี

หลังเกิดเหตุ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จะเดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุในวันพรุ่งนี้ พร้อมขอให้ทุกส่วนราชการทั่วประเทศลดธงครึ่งเสา ในวันพรุ่งนี้ (7 ตุลาคม 2565) เป็นกรณีพิเศษ 1 วัน เพื่อแสดงความอาลัยต่อเหตุการณ์โศกนาฎกรรมครั้งนี้

"นายกรัฐมนตรียังแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด และขอให้คนไทยทุกคนให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ร่วมผ่านช่วงเวลาแห่งความสูญเสียที่โหดร้ายนี้ไปด้วยกัน" นายอนุชากล่าว

ขณะที่ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้สั่งการด่วนให้ระดมเจ้าหน้าที่จากจังหวัดใกล้เคียงเข้าพื้นที่ไป เพื่อเร่งเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิต

ด้านสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้แสดงความเสียใจมีใจความว่า "สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยสะเทือนใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในจังหวัดหนองบัวลำภู เรายืนหยัดเคียงข้างพี่น้องชาวไทย และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต รวมทั้งครอบครัวของพวกเขา"

ผู้คนรวมตัวกันนอกศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่เกิดเหตุสังหารหมู่เด็กเล็กและครู ในเมืองอุทัยสวรรค์ จังหวัดหนองบัวลำภู วันที่ 6 ตุลาคม 2565 (รอยเตอร์)

ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางวาสนา (สงวนนามสกุล) นักจิตวิทยาปฏิบัติการ และรองหัวหน้าศูนย์บริการด้านสุขภาพจิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า รัฐบาลไทยไม่ได้ให้ความสำคัญต่อสภาพจิตใจของข้าราชการ

“เราละเลยการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตกับข้าราชการ และหลายครั้งข้าราชการเหล่านั้นครอบครองปืน การอนุญาตให้คนติดยาเสพติดบรรจุเป็นตำรวจและไม่ดำเนินคดีอย่างจริงจัง ไม่มีการทดสอบด้านสุขภาพจิต การกระทำเช่นนี้เสมือนเป็นการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่รัฐแสวงหาผลประโยชน์จนเป็นความรุนแรง” นางวาสนา กล่าว

“การแก้ไขปัญหาในภาพใหญ่จึงสำคัญมาก เพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมากที่เก็บความทุกข์จากการอยู่ในระบบอำนาจ และมันเกิดปัญหานี้เรื้อรังยาวนาน แต่สิ่งที่ยากที่สุด คือ ต้องทำให้ผู้มีอำนาจในระบบตำรวจ ทหาร เข้าใจก่อนว่าการปรึกษาจิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือนักบำบัดนั้น ไม่ได้เป็นการลดทอนอำนาจ หรือเป็นการเปิดเผยข้อมูลลับทางราชการ” นางวาสนา กล่าวเพิ่มเติม

ปัญหาการใช้ความรุนแรงจากข้าราชการเคยเกิดขึ้น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดย จ.ส.อ. จักรพันธ์ ถมมา สังกัดกองพันกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้บังคับบัญชาของตนเอง และเดินทางไปใช้อาวุธปืนยิงประชาชนในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 นครราชสีมา ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมในที่สุด เหตุการณ์ดังกล่าว มีเสียชีวิตรวม 30 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 58 คน

ก่อนหน้านี้ ในปี 2560 องค์กร Small Arms Survey ซึ่งจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายและความโปร่งใสในการครอบครองอาวุธปืนที่พลเรือนครอบครองได้ ระบุว่า ไทยมีผู้ครอบครองอาวุธปืนราว 10.3 ล้านกระบอก โดยนับเป็นอยู่ในอันดับ 13 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน

มารียัม อัฮหมัด ในปัตตานี วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช ในกรุงเทพฯ และคุณวุฒิ บุญฤกษ์ ในเชียงใหม่ ร่วมรายงาน