คนร้ายยิงโจทก์คดีปะทะเขาตะเวเสียชีวิต

เมื่อก่อนเวลาเช้าของวันพฤหัสบดีนี้ เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายเจ๊ะฮามิ อิสมารอฮิม จนเสียชีวิต ในพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส โดยนายเจ๊ะฮามิ เป็นโจทก์ผู้ฟ้องทหารในคดีปะทะบนเทือกเขาตะเว ปี 2562 ในฐานะบิดาของหนึ่งในสามผู้เสียชีวิตจากการถูกทหารยิงด้วยความเข้าใจผิด

พ.ต.อ. ปิยภัทร ทองพันเลิศกุล ผกก. สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส กล่าวว่า เมื่อเวลา 00.50 น. ตนได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายเจ๊ะฮามิ อิสมารอฮิม อายุ 60 ปี ภูมิลำเนา 163/2 บ้านอาแน ม.8 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 

“จากการสอบสวนทราบว่าเหตุเกิดขณะที่ผู้ตายกำลังขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค กลับมาจากกินน้ำชาในหมู่บ้านเพื่อกลับบ้านพัก ระหว่างทางคนร้ายตามประกบยิงจนเสียชีวิต ส่วนประเด็นและสาเหตุ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนและสืบสวน” พ.ต.อ. ปิยภัทร กล่าวกับผู้สื่อข่าว

เยาวชนในพื้นที่รายหนึ่ง กล่าวว่า นายเจ๊ะฮามิ อิสมารอฮิม เป็นบิดาของนายบูดีมัน มะลี หนึ่งในชาวบ้านสามคนที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานยิงเสียชีวิตรวม 3 ราย ขณะตัดไม้ในพื้นที่อำเภอระแงะ นราธิวาส เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2562 โดยชาวบ้านเชื่อว่าเจ้าหน้าที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของนายเจ๊ะฮามิ

“เมื่อคืน ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นทีมลับสำหรับเก็บชาวบ้าน โจรมี 2 คน ขับรถมอเตอร์ไซค์ติดตามและประกบยิงจนเสียชีวิตที่บริเวณหัวสะพานทางเข้าหมู่บ้านอาแน นายเจ๊ะฮามิ ผู้เสียชีวิตเป็นครอบครัวผู้ฟ้องนายทหาร เหตุการณ์ทหารยิงชาวบ้าน บนเขาตะเว 3 คน ด้วยเหตุสำคัญผิดว่าเป็นโจรใต้ ส่วนคดียังอยู่ในชั้นศาล” เยาวชนคนเดียวกันกล่าวกับเบนาร์นิวส์ 

อย่างไรก็ตาม พ.อ. เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้กล่าวว่า ยังไม่ควรที่ชาวบ้านที่สรุปสาเหตุพาดพิงถึงทางราชการ

“ในส่วนที่เยาวชนกล่าวหาว่าผู้ร้ายเป็นหน่วยเก็บของเจ้าหน้าที่นั้น ต้องรอผลการตรวจสอบ ตอนนี้ ควรให้เวลาเจ้าหน้าที่ได้ทำงานหาข้อเท็จจริง” พ.อ. เกียรติศักดิ์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์

พ.อ. เกียรติศักดิ์ ระบุอีกว่า ทางคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข อยู่ระหว่างตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งเหตุระเบิดในพื้นที่อำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งมีชาวบ้านเสียชีวิตและตำรวจบาดเจ็บสามนาย เมื่อวันที่ศุกร์ที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา

ล่าสุดเพจ BRN Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani ได้โพสต์ข้อความภาษาไทย “ขอประณามการสังหาร นายเจ๊ะฮามิ  อิสมารอฮิม เมื่อ 27 เมษายน 65 ขอให้ทางรัฐบาลไทยเร่งสอบสวนผู้กระทำผิดโดยไม่มีการละเว้น (หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ)”

ไต่สวนคดียิงชาวบ้าน

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2562 เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 45 (ฉก.ทพ. 45) ได้ลาดตระเวนบนเทือกเขาตะเว ติดกับด้านหลังของหมู่บ้านอาแน ม.8 ต.บองอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจหาผู้ก่อความไม่สงบที่จะเข้ามาในพื้นที่ แต่ได้พบกับกลุ่มชาวบ้านสามรายที่กำลังตัดไม้อยู่ในขณะนั้น

ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้ให้การว่า ฝ่ายชาวบ้านได้เปิดฉากยิงเมื่อเจ้าหน้าที่ตะโกนแสดงตัว ซึ่ง ร.ต.ท.ณัฐวรรธน์ แก้วหาญ รอง สว.สอบสวน สภ.ระแงะ (ในขณะนั้น) กล่าวว่า ฝ่ายทหารพรานระบุว่าสามารถยึดอาวุธปืนอาก้าได้ 1 กระบอก พร้อมกระสุนบรรจุในแม็กกาซีน และอาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม. จำนวน 1 กระบอก ได้จากผู้เสียชีวิต

ต่อมา เจ้าหน้าทหารพราน 2 นาย (อาสาสมัครทหารพรานและอีกนายทหารชั้นสัญญาบัตร) ได้มอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหาฆ่าผู้อื่น/ยิงผู้ตายทั้งสาม ขณะเดียวกัน ผู้เสียชีวิตทั้งสามรายถูกตั้งข้อหาว่าพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ทหาร

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวใกล้ชิดครอบครัวของนายเจ๊ะฮามิ ระบุว่า ก่อนการดำเนินคดีใด ๆ ต่อไปนั้น ศาลจังหวัดนราธิวาส ต้องไต่สวนคดีชันสูตรพลิกศพผู้ตาย เพื่อระบุสาเหตุการตายให้กระจ่างในเบื้องต้นเสียก่อน

ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า ศาลจังหวัดนราธิวาส ได้เสร็จสิ้นการไต่สวนคดีนี้แล้ว โดยได้มีการไต่สวนในระหว่างวันที่ 9-11 มีนาคม 2564 เป็นคดีหมายเลข ช.7 /2563 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 เพื่อพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิต แต่ยังไม่ได้นัดฟังผลการไต่สวน  

ในการไต่สวนนี้ แหล่งข่าวกล่าวว่า มีพนักงานอัยการฝ่ายผู้ร้องนำสืบพยานจำนวน 4 ปาก และญาติของผู้ตายทั้งสามเป็นผู้ร้องซักค้าน ได้มีการนำสืบพยาน 4 ปาก ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ทหารพรานหัวหน้าชุดลาดตระเวน ผู้ลงมือยิงผู้ตายทั้งสามด้วยกระสุนปืน 14 นัด และอาสาสมัครทหารพราน ผู้ใต้บังคับบัญชาอีกหนึ่งนาย ที่ร่วมลงมือยิงผู้ตาย

ทั้งสองอ้างว่าเมื่อวันเกิดเหตุขณะลาดตระเวนที่บริเวณเขาตะเว ได้พบกลุ่มบุคคล 4-5 คน ทหารจึงได้ซ่อนพรางกำบังตัวที่โขดหินแล้วตะโกนแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ แต่มีการยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ทหาร 3-4 นัด จึงยิงตอบโต้กลับไป เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ ซึ่งต่อมา ทราบว่า เป็นชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแถบเชิงเขาตะเว

ในการสืบพยานซึ่งเป็นแพทย์ผู้ชันสูตรศพผู้ตายที่โรงพยาบาลอำเภอระแงะ ระบุว่า พบบาดแผลจากกระสุนปืนบริเวณศีรษะและอวัยวะสำคัญตามร่างกายของผู้ตายแต่ละคน ทำให้ผู้ตายทั้งสามเสียชีวิต วิถีกระสุนเป็นการยิงเข้าทางด้านหลังของผู้ตาย มีทั้งวิถีกระสุนที่ยิงจากบนลงล่าง และยิงจากล่างขึ้นบน

ในการสืบพยานพนักงานสอบสวน 2 ปาก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ระแงะ ผู้ลงพื้นที่เกิดเหตุ ระบุว่า พบเพิงพัก ไม้แปรรูป และเครื่องมือเกี่ยวกับการตัดโค่นและแปรรูปไม้ อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ และพบปลอกกระสุนปืน 1 ปลอก ใกล้ศพผู้ตายรายหนึ่ง แต่ไม่พบอาวุธปืนของฝ่ายผู้ตาย และไม่พบปลอกกระสุนปืนของฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารที่อ้างว่าเป็นผู้ลงมือยิงผู้ตาย