คนร้ายยิงชาวบ้านตาย-เผาสาธารณูปโภค หลังเพจบีอาร์เอ็นให้ดำเนินการรบ

เจ้าหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ในเวลาก่อนรุ่งเช้าของวันอังคารนี้ ได้เกิดเหตุคนร้ายยิงชาวบ้านในอำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เสียชีวิตหนึ่งราย และในเวลาก่อนหน้านั้น ยังมีการก่อเหตุเผาสาธารณูปโภคอีกสามแห่ง ในพื้นที่จังหวัดยะลา และปัตตานี ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ เฟซบุ๊กเพจ BRN Barisan Revolusi National โพสต์ข้อความให้หน่วยกำลังในพื้นที่ป้องกันตนเองตามยุทธศาสตร์การรบ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุเหตุจูงใจที่ทำให้คนร้ายยิงนายอัสมิน เจ๊หลง อายุ 31 ปี ในทันที และไม่สามารถระบุว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเฟซบุ๊กเพจ ที่ระบุว่าเป็นของบีอาร์เอ็นดังกล่าวหรือไม่

ทั้งนี้ พันตำรวจโท สันติ สามะ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส กล่าวในวันนี้ว่า เมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 7 กันยายน 2564 ตนได้รับแจ้งเหตุยิงกันที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 21 ตำบลจวบ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ทราบว่า นายอัสมิน ถูกยิงที่ต้นขาซ้ายและขวา รวมทั้งข้อศอกซ้ายได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตในเวลาต่อมาระหว่างนำส่งโรงพยาบาล

“จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพักผ่อนอยู่บนแคร่ จุดเกิดเหตุ ได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่ม และจำนวนใช้อาวุธปืนยิงใส่จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนประเด็นและสาเหตุเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนและสืบสวน” พ.ต.ท. สันติ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

ในตอนค่ำของวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ เฟซบุ๊กเพจ BRN Barisan Revolusi National ซึ่งสมาชิกขบวนการบีอาร์เอ็นรายหนึ่งยืนยันกับเบนาร์นิวส์ว่า เป็นเพจของสมาชิกขบวนการฯ ที่อยู่ในพื้นที่ประเทศไทยที่ต้องการใช้ตอบโต้เพจต่าง ๆ ของทางทหาร ได้กล่าวหาทางการไทยว่า ปฏิบัติการต่อกองกำลังบีอาร์เอ็นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าทางขบวนการจะได้ยุติการปฏิบัติการเพื่อให้ภาครัฐสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องโควิด-19 มาตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้วก็ตาม 

“ทางกองกำลังความมั่นคงสยามไทยยังคงมีการปฏิบัติการฉวยโอกาสช่วงชิงความได้เปรียบในสภาวะโรคระบาด โดยอ้างกฏหมายในการปฏิบัติการปิดล้อมควบคุม และวิสามัญกองกำลังปาตานี ไปจนถึงการสร้างฉากปะทะเพื่อโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการปฏิบัติการดังกล่าว จากเหตุดังกล่าว ทำให้ BRN ต้องเปิดโอกาสให้หน่วยกำลังในพื้นที่ป้องกันตนเองตามยุทธศาสตร์การรบ” เพจดังกล่าว ระบุ

ในเรื่องนี้ พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ตนไม่ทราบถึงเบื้องหลังของเฟซบุ๊กเพจดังกล่าว

“ผมไม่แน่ใจเรื่องของเพจที่ประกาศพร้อมรบ จริง ๆ แล้วเขาพูดประมาณนี้ เขาก็พยายามที่จะก่อเหตุอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว เดี๋ยวขว้างไปป์บอมบ์ รูปแบบระเบิดเหมือนกันเป๊ะเลย ทุกแบบการผลิตมาจากแหล่งเดียวกันหมด มีการระเบิดเจ้าหน้าที่ ระเบิดรถไฟ เผาเสาสัญญาณโทรศัพท์ กลุ่มเหล่านี้เขามีโอกาสเขาก็ทำเลย เหมือนที่เคยบอกเป้าหมายชัด โอกาสมี ทางหนีพร้อม เขาก็ทำกันตลอดอยู่แล้ว” พ.อ. เกียรติศักดิ์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์

“ในส่วนของเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อน ต้องใช้เวลายังไม่ด่วนสรุป” พ.อ. เกียรติศักดิ์ ระบุ

ตามตัวเลขที่เบนาร์นิวส์รวบรวมจากเจ้าหน้าที่ นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ถึง 30 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้วิสามัญฆาตกรรมผู้ที่ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกขบวนการก่อความไม่สงบ อย่างน้อย 18 ราย

เผาสาธารณูปโภคในพื้นที่จังหวัดยะลา และปัตตานี

นอกจากเหตุยิงแล้ว ยังมีเหตุการก่อวินาศกรรมอีกสามแห่ง ในพื้นที่จังหวัดยะลา และปัตตานี โดยในเวลา 21.00 น. ของวันจันทร์นี้ ร้อยตำรวจเอก วีระศักดิ์ สุวรรณเดชา รองสารวัตรสอบสวน สภ.บันนังสตา ได้รับแจ้งเหตุว่า มีคนร้ายลอบวางเพลิงเผากล้องวงจรปิด ที่บริเวณบ้านสนามบิน หมู่ที่ 1 ตำบลเขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ทำให้กล้องวงจรปิดสามตัวที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้าความสูงประมาณ 3 เมตร และสายนำสัญญาณได้รับความเสียหาย

เมื่อเวลา 23.10 น. ของวันจันทร์เช่นกัน พันตำรวจเอก สมปราช กรรณกานนท์ ผู้กำกับการ สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางเพลิงเสาสัญญาณโทรศัพท์ระบบ AIS ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ บ้านเกาะบาตอ ม.5 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเพลิงไหม้เสาสัญญาณโทรศัพท์ได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่วนประเด็นและสาเหตุอยู่ระหว่างสอบสวนและสืบสวน

และเมื่อเวลา 00.10 น. พันตำรวจเอก สืบสกุล มณีนวล ผู้กำกับการ สภ.มายอ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อาคารสำนักงาน อบต. สาครบน อ.มายอ จ.ปัตตานี จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ พบว่าไฟไหม้ห้องทำงาน และห้องเก็บเอกสารที่ชั้นบนของอาคารได้รับความเสียหายประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้อยู่

ด้านนายรุสดี ตาฮา นายก อบต. สาครบน ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ก่อนเกิดเหตุได้จัดเวรเฝ้า อบต. เป็นปกติเหมือนทุกวัน แต่ในช่วงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่เวรยามได้ไปละหมาดที่อาคารละหมาด ซึ่งอยู่หน้า อาคาร อบต. ห่างออกมาประมาณ 60 เมตร จากนั้นได้เกิดเพลิงลุกไหม้ที่บริเวณห้องกองการศึกษา บนชั้น 2 จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ รวมทั้งชาวบ้านมาช่วยดับเพลิง

การพูดคุยเพื่อสันติสุข

นับตั้งแต่มีการปะทุของเหตุการณ์รุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้งเมื่อเดือนมกราคม 2547 ได้มีผู้ถูกยิงหรือถูกวางระเบิดเสียชีวิตกว่า 7,000 คน ส่วนทางการเจรจาระหว่างขบวนการบีอาร์เอ็น และคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขในจังหวัดภาคใต้ของไทยแบบตัวต่อตัวนั้นได้สะดุดลง หลังจากที่มีการระบาดของโควิด-19

อย่างไรก็ตาม แม่ทัพภาคที่สี่ยืนยันว่า ทางฝ่ายไทยยังพูดคุยกับทางบีอาร์เอ็นผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดในการพูดคุย ส่วนพลเอก วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยฯ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนมาเป็นระยะเวลาหลายเดือนแล้ว

ในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ รัฐบาลไทยจะเปลี่ยนตัวเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จาก พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่จะเกษียณในสิ้นเดือนกันยายนนี้ เป็น พล.อ. สุพจน์ มาลานิยม แต่ผู้เชี่ยวชาญสถานการณ์กล่าวว่า จะไม่มีผลต่อการเจรจา แม้ว่า พล.อ. สุพจน์ จะมาจากหน่วยรบ

“สถานการณ์ในพื้นที่ก็คงจะยังมีเหตุรุนแรงอยู่บ้างในลักษณะการโต้ตอบความรุนแรงที่กระทำโดยฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ” ดร. รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช อาจารย์ประจำสถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์