ศาลอาญายกคำร้องดีอีเอส ที่ให้ธนาธรลบเนื้อหาวิจารณ์วัคซีน

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช และนนทรัฐ ไผ่เจริญ
2021.02.08
กรุงเทพฯ
ศาลอาญายกคำร้องดีอีเอส ที่ให้ธนาธรลบเนื้อหาวิจารณ์วัคซีน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบ กล่าวในการแถลงข่าว ณ ที่ทำการพรรคก้าวหน้า กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2564 หลังจากที่เขาถูกกล่าวหาว่าทำผิดกฎหมายหมิ่นสถาบันฯ
เอเอฟพี

ในวันจันทร์นี้ ศาลอาญา รัชดา ได้ยกเลิกคำสั่งในก่อนหน้านี้ ที่ได้บังคับให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ระงับการเผยแพร่คำวิพากษ์-วิจารณ์การบริหารการจัดซื้อจัดหาวัคซีนของรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นอย่างล่าช้า และได้เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนที่เชื่อว่ามีสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์เป็นผู้ถือหุ้น

ทั้งนี้ นายธนาธร ได้เผยแพร่คำวิพากษ์-วิจารณ์รัฐบาล ทางเฟซบุ๊กไลฟ์ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564 จากนั้นในวันที่ 29 มกราคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ได้ยื่นคำร้องให้ศาลอาญาระงับให้การทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์จำนวน 3 URLs (Uniform Resource Locator) ทางเฟซบุ๊ก ยูทูบ และเว็บไซต์ โดยอ้างว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของราชอาณาจักร โดยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นความผิดตามมาตรา 14(3) ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยศาลได้สั่งระงับตามขอ แต่นายธนาธรได้ยื่นคัดค้านคำร้อง เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์

นอกจากนั้น ในวันที่ 21 มกราคม กระทรวงดิจิทัลฯ ยังได้ร้องทุกข์กับกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กล่าวโทษนายธนาธรว่า กระทำความผิดตามมาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งขณะนี้ ยังอยู่ในระหว่างการทำสำนวน

ในวันนี้ ศาลอาญา ได้พิจารณาเห็นว่า การกระทำของนายธนาธร ไม่มีความผิด

“เมื่อพิจารณาข้อความทั้งหมดแล้ว แม้ว่าผู้คัดค้านจะบรรยายว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด แต่ก็มิได้มีข้อความใดที่แสดงให้เห็นชัดเจนเป็นการกล่าวหา หรือตำหนิติเตียน หรือกล่าวให้สงสัยในความสุจริตต่อพระองค์ ไม่ว่าในทางใด ๆ จึงไม่มีลักษณะชัดเจนหรือเห็นได้ในทางภาวะวิสัยที่แสดงว่า ข้อความนี้อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงตามที่มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อันจะเป็นเหตุให้ศาลสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ แต่อย่างใด” 

“อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคหนึ่ง ให้เพิกถอนกระบวนการพิจารณาตั้งแต่การไต่สวนและมีคำสั่งศาล ซึ่งย่อมมีผลให้คำสั่งศาล ในวันที่ 29 มกราคม 2564 เป็นอันสิ้นผล และมีคำสั่งยกคำร้อง” ข้อความท่อนหนึ่งของคำสั่งศาลอาญาระบุ

เมื่อวันที่ 21 มกราคม นายธนาธร กล่าวแสดงความรู้สึกที่ถูกแจ้งความว่า “เมื่อพวกเราตั้งคำถามกับการที่ประเทศไทยได้รับวัคซีนที่ครอบคลุมจำนวนประชากรได้น้อย และได้ฉีดช้า รัฐบาลมีการเอื้อประโยชน์บริษัทเอกชนรายใดรายหนึ่งเป็นการเฉพาะหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ผมโดน ถูกรัฐบาลฟ้องว่าทำผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์ และกฎหมายอาญามาตรา 112”

ในวันเดียวกันนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้ออกแถลงข่าวแสดงความวิตกกังวลต่อการบังคับใช้กฎหมายหมิ่นสถาบันในประเทศไทยที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะคดีของนางอัญชัน ปรีเลิศ ที่ถูกตัดสินจำคุกสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 43 ปี 6 เดือน หลังลดโทษกึ่งหนึ่ง รวมถึงยังได้ตั้งข้อหาอย่างรุนแรงในคดีหมิ่นสถาบันฯ ดังกล่าว ต่อผู้เยาว์ เพียงเพราะพวกเขาได้ออกมาใช้เสรีภาพในการแสดงออก 

“เราขอเรียกร้องให้ทางการไทยทบทวนและยกเลิกคดีหมิ่นสถาบัน ยกเลิกการดำเนินคดีกับทุกคนที่ถูกฟ้องร้องในขณะนี้ และปล่อยตัวนักโทษที่ถูกจองจำ เพราะเขาใช้สิทธิในการแสดงออกและเคลื่อนไหวชุมนุมด้วยความสงบ” ผู้เชี่ยวชาญกล่าวในแถลงการณ์

การจัดการวัคซีนที่ล่าช้า

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ ให้ข้อมูลบนแฟนเพจ โดยสรุปว่า ประเทศไทยจะสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชน 50 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ในปี 2564 โดยวัคซีน 2 ล้านโดส จากบริษัท ซิโนแวค ประเทศจีน มูลค่า 1,228 ล้านบาท จะถูกนำเข้าประเทศไทย ในเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2564 นี้ ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ บุคลากรทางการแพทย์และผู้สูงอายุจะได้รับการฉีดก่อน 2 แสนโดส เดือนมีนาคมและเมษายน จะได้รับอีก 8 แสนโดส และ 1 ล้านโดส ตามลำดับ ขณะที่อีก 26 ล้านโดส ซึ่งรัฐบาลได้จองกับบริษัท แอสตราเซเนกา มูลค่า 6,049 ล้านบาท จะมีการส่งมอบในเดือนพฤษภาคม และส่วนที่จัดหาเพิ่มเติมอีก 35 ล้านโดส ซึ่งยังไม่ระบุมูลค่าสัญญาซื้อขาย จะทยอยอนุมัติและส่งมอบต่อไป โดยหากเป็นไปตามข้อมูลนี้ จะทำให้ไทยจะมีวัคซีน รวมทั้งหมด 63 ล้านโดส เพียงพอสำหรับประชาชนอย่างน้อย 30 ล้านคน หรือเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ซึ่งประชาชนต้องฉีดคนละ 2 โดส แต่ละโดสห่างกัน 4 สัปดาห์

ในปลายเดือนมกราคม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ได้มีการลงนามขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด -19 ของบริษัท แอสตราเซเนกา ส่วนที่ผลิตในประเทศอิตาลีแล้ว หลังจากทางบริษัทฯ ส่งเอกสารมาขอขึ้นทะเบียนในไทยเพื่อใช้ฉีดภาวะฉุกเฉิน โดยวัคซีนจำนวน 50,000 โดสแรก จะถึงไทยในเดือนกุมภาพันธ์นี้  ต่อมา นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า วัคซีนชุดแรกแอสตราเซเนกา จะมาประเทศไทยในต้นเดือนกุมภาพันธ์ และจะฉีดวัคซีนเข็มแรกในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ โดยจะเปิดให้แพทย์ลงทะเบียนรับวัคซีนออนไลน์ก่อนในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ แต่ในวันที่ 29 มกราคม 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วัคซีนโควิด-19 ดังกล่าว อาจมีปัญหาล่าช้า เนื่องจากสหภาพยุโรป (EU) ได้ออกแถลงการณ์เตือนบริษัท แอสตราเซเนกา ถึงการส่งออกวัคซีนไปยังนอกภาคพื้นยุโรป เพราะแอสตราเซเนกาประสบปัญหาล่าช้าในการผลิตและส่งมอบวัคซีนให้กับ 27 สมาชิกอียู ตามที่กำหนดในเดือนมีนาคม 2564 แต่ล่าสุด มีข่าวว่าอาจส่งได้เพียงราว 31 ล้านโดส เท่านั้น

เมื่อวันที่ 26 มกราคม นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวชี้แจงทางเฟซบุ๊กว่า ทางการไทยเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนทุกรายที่ผลิตวัคซีนออกมาจำหน่ายในขณะนี้ แต่การเจรจา มีข้อจำกัดมากมายทั้งจากเงื่อนไขของผู้ผลิต จากระบบกฎหมายไทย และงบประมาณของประเทศไทยเอง

ส่วนการณีของแอสตราเซเนกา และบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์นั้น นายอนุทินกล่าวว่า “การได้รับข้อเสนอจากบริษัทแอสตราเซเนกาฯ ใช้โรงงานในประเทศไทย ซึ่งบริษัทเลือกเอง เป็นฐานการผลิตวัคซีน ของบริษัท เพื่อจำหน่ายให้แก่ภูมิภาคอาเซียน อีกด้านหนึ่งต้องนับเป็นความมั่นคงทางด้านวัคซีนของประเทศไทย เป็นสิทธิประโยชน์ที่ดีกว่าหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ในฐานะผู้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีน”

ล่าสุดรัฐบาลถูกกล่าวหาว่าดำเนินการจัดหาวัคซีนผิดพลาด โดยไม่ได้ร่วมในการจัดหาวัคซีน

“กรณีที่ประเทศไทยไม่รวมโครงการวัคซีนของ COVAX นั้น เราได้เจรจากับ COVAX มาตลอด แต่เราไม่อยู่เกณฑ์ที่เขาจะให้ฟรี COVAX ให้สิทธิแก่ประเทศยากจนที่ WHO และ GAVI ให้การสนับสนุนจำนวน 92 ประเทศ แต่ไทยถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีฐานะปานกลาง หากเราจะร่วมกับ COVAX เราต้องซื้อราคาแพงกว่า และไม่สามารถเลือกวัคซีนจากผู้ผลิตรายใดได้ มีความไม่แน่นอนทั้ง ชนิด จำนวน และราคา รวมทั้งต้องจ่ายเงินล่วงหน้า ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้วัคซีน เมื่อไร” นายอนุทินชี้แจง

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง