ผบ.ตร. สั่งสอบปืนตำรวจถูกจำนำในร้านปืนออนไลน์ผิดกฎหมาย
2021.06.14
กรุงเทพฯ

ในวันจันทร์นี้ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เร่งสอบสวนกรณีที่พบปืนตำรวจ 18 กระบอก ถูกจำนำในร้านขายปืนออนไลน์ผิดกฎหมายรายใหญ่ของประเทศ ที่ตำรวจกองปราบปรามได้ทลายไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ปืนตำรวจ 18 กระบอกที่มีตราโล่ตำรวจดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของของกลางในคดีที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) แถลงข่าวเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2564 ว่า สามารถจับกุมผู้ต้องหา 9 ราย รวมถึงออกหมายจับอีก 2 ราย พร้อมของกลางเป็นปืน 154 กระบอก และระเบิด 14 ลูก ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเครือข่ายปืนออนไลน์ผิดกฎหมาย
พ.ต.อ.กฤษณะ เปิดเผยในการแถลงข่าวระบุว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ติดตามและกำกับดูแลคดีนี้
“ให้สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำการตรวจสอบว่ามีการปฎิบัติและกำหนดมาตราการในการควบคุม และการตรวจสอบ เกี่ยวกับการใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนสืนและวัตถุระเบิดของทางราชการ… อีกทั้งได้กำชับสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วย ทุกพื้นที่ ลงไปตรวจสอบ กำกับดูแลตรวจสอบ คลังอาวุธและยุทธภัณฑ์ของหน่วย” พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว
“ห้ามนำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ ของทางราชการไปก่อให้เกิดความเสียหายชำรุดหรือสูญหาย หากผู้บังคับบัญชาในต้นสังกัดปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจลงไปกำกับดูแล จนเกิดข้อบกพร่อง จะพิจารณาโทษด้วยเช่นกัน… สำหรับกรณีกองบังคับการปราบปรามมีการจับกุมและขยายผล… บช.น. และ ภ.7 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมเพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว หากผลการตรวจสอบพบว่า มีมูลและเกิดข้อบกพร่อง ก็จะดำเนินการทางวินัยและทางอาญากับข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดต่อไป” พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวเพิ่มเติม
พ.ต.อ.กฤษณะ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลรักษา เบิกจ่าย หรือเป็นผู้เบิกใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ ของทางราชการ ขอให้เคร่งครัดในการปฎิบัติตามระเบียบ คำสั่ง ที่เกี่ยวข้อง หากไม่ปฎิบัติตามแล้วเกิดข้อบกพร่อง อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนของทางราชการ เกิดชำรุด หรือสูญหาย จะถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัยและทางอาญาจนถึงที่สุด
ทั้งนี้ ปืน 18 กระบอกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเป็นของหลวงสามารถจำแนกได้ตามสังกัด ดังนี้ สน.บางเสาธง 1 กระบอก สน.ธรรมศาลา 5 กระบอก สน. หลักสอง 5 กระบอก กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม 2 กระบอก สภ. พุทธมณฑล นครปฐม 2 กระบอก สภ. กระทุ่มแบน สมุทรสาคร 1 กระบอก สภ. โคกขาม สมุทรสาคร 1 กระบอก และอยู่ระหว่างตรวจสอบอีก 1 กระบอก
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2564 ที่ บก.ป. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชน ถึงการจับกุมตัวผู้ต้องหา และของกลาง ในขบวนการค้าปืนออนไลน์ผิดกฎหมาย โดยระบุว่า ได้จับกุมผู้ต้องหาแล้ว 9 ราย และออกหมายจับอีก 2 ราย ส่วนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรายอื่น หรือผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
“เราได้พบว่า เป็นเครือข่ายที่ใหญ่มาก การสืบสวนได้เริ่มต้นจากเฟซบุ๊กที่ชื่อ ชุมชนตลาดดำ แล้วเราก็ได้ขยายผลมาตลอด ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราได้ตรวจค้นทั้งหมด 15 จุด ในหลายจังหวัด เราพบอาวุธสงคราม 4 กระบอก เอ็มสิบหก อาวุธปืนรัสเซียบ้าง ปืนยาวอื่นๆ ไม่มีทะเบียน อีก 5 กระบอก ปืนสั้น มีทั้งแบบมีทะเบียน และไม่มีทะเบียน 145 กระบอก ระเบิดหลายแบบ 14 ลูก ที่เราได้จากการขยายผลเครือข่ายออนไลน์” พล.ต.ต.จิรภพ กล่าว
ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าว เกิดขึ้นในพื้นที่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และราชบุรี โดยผู้ต้องหาบางรายมีส่วนเกี่ยวข้องกับร้านขายปืนถูกกฎหมายย่านวังบูรพา โดยเชื่อว่า เครือข่ายดังกล่าวมีการซื้อขายและมีเงินหมุนเวียนรวมแล้วกว่า 100 ล้านบาท ซึ่ง บก.ป. จะได้ดำเนินการขยายผลการจับกุมต่อไปในอนาคต
สำหรับการหายไปของปืน โดยเจ้าหน้าที่รัฐนำไปจำนำหรือขายนั้น ยังเกิดขึ้นบ่อยครั้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการใช้อาวุธก่อเหตุรุนแรงมาตั้งแต่ ปี 2547 โดยบางส่วนตกไปถึงมือกลุ่มค้ายาเสพติดและขบวนการก่อความไม่สงบ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม นี้ เจ้าหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนใต้พบว่า มีปืน เอสเค-102 ของกองร้อย อส.ที่ 2 อ.เมือง จ.นราธิวาส หายไป 26 กระบอก โดย พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดนราธิวาส กล่าวในภายหลังว่า มีอาสาสมัครนายหนึ่งให้การรับสารภาพว่า ได้เอาปืนไปขายแต่ไม่ได้ระบุตัวอาสาสมัคร รวมทั้งแหล่งรับซื้อ
“ข้อมูลที่มีค่อนข้างชัดเจนว่า ขบวนการส่งปืนให้กลุ่มก่อความไม่สงบกับกลุ่มค้ายาเสพติดในพื้นที่จริง ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ในช่วงต้นๆ ของเหตุการณ์ ปี 2547 ก็เคยเกิดเรื่องลักษณะนี้มาแล้ว สิ่งเหล่านี้จะอาจจะไม่ได้ทำกันตรงๆ แต่เป้าหมายสุดท้ายปืนตกไปอยู่ในมือคนเหล่านี้” เจ้าหน้าที่ฝ่ายความั่นคงในพื้นที่กล่าวแก่เบนาร์นิวส์โดยใประสงค์ออกนามเพราะไม่มีหน้าที่ให้ข่าวโดยตรง
ล่าสุด นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สามารถนำปืนกลับคืนมาได้แล้ว 6 กระบอก จากจำนวน 26 กระบอก ที่มีรายงานว่าหายไป โดยสามารถจับตัวบุคคลผู้ครอบครองปืนในพื้นที่ สภ.สะบ้าย้อย และอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และในอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดนราธิวาส
มารียัม อัฮหมัด ในปัตตานี ร่วมรายงาน