ทักษิณได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาด นายทักษิณ ชินวัตร จาก 8 ปี เหลือจำคุก 1 ปี เนื่องจากเป็นบุคคลที่เคยทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และมีความจงรักภักดี 

ในวันศุกร์นี้ เวปไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระบรมราชโองการ พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาด นายทักษิณ ชินวัตรเ หลือจำคุก 1 ปี โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ความตอนหนึ่งในราชกิจจานุเบกษาระบุว่า การที่นักโทษเด็ดขาดชาย นายทักษิณ ชินวัตร ได้ยื่นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาลงโทษให้จำคุกใน 3 คดี รวมทั้งสิ้น 8 ปี นั้น พระบาทสมเด็จพระเข้าอยู่หัวทรงทราบความแล้ว

“จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปี ตามกำหนดโทษตามคำพิพากษา เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามรถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม และประชาชนสืบไป” ความตอนหนึ่งของราชกิจจานุเบกษา ระบุ

นางสาวแพทองธาร  ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ  ชินวัตร และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพและข้อความหลังนายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ

“ข้าพเจ้า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และนายทักษิณ ชินวัตร จะใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ทั้งชีวิต ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม ประชาชน และรับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์สืบไป ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” นางสาวแพทองธาร กล่าวทางอินสตาแกรม

ราชกิจจานุเบกษาระบุถึงเหตุผลที่นายทักษิณขอพระราชทานอภัยโทษว่า นายทักษิณเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าว ด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา ขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

นายทักษิณ กลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม แล้วถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำกรุงเทพมหานคร เพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ออกมารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจในห้องระดับวีไอพี ทำให้หลาย ๆ ฝ่าย มีความข้องใจในการดำเนินการของกรมราชทัณฑ์

“เพียงแต่อาจเปรียบเทียบกับกรณีอื่นที่ราชทัณฑ์ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเร็วเช่นนี้ไหม หรือการมีสิทธิรับการรักษาที่ VVIP โรงพยาบาล โดยไม่ต้องนอนเรือนจำเลย เป็นการเลือกปฏิบัติไหม” นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวกับเบนาร์นิวส์

ด้านกลุ่มเยาวชนปลดแอก Free Youth ซึ่งประท้วงรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อกลางปี 2563 เรียกร้องให้มีการพระราชทานอภัยโทษอย่างทั่วถึง   

“ราชกิจจานุเบกษา ร.10 ลดโทษ “ทักษิณ” เหลือโทษ 1 ปี ในขณะนี้หลายคนซึ่งเป็นนักโทษการเมืองยังคงถูกคุมขังทั้งจากมาตรา 112 และอื่น ๆ หลายคนประกาศอดอาหาร เพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัว ความยุติธรรมจะต้องเกิดแก่ทุกคนอย่างถ้วนหน้าเสมอกัน” กลุ่มเยาวชนปลดแอก กล่าวทางเฟซบุ๊ก

นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 สิงหาคม หลังหลบหนีคดีออกจากประเทศไทยไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานานถึง 17 ปี (หากไม่นับรวมการกลับมาในเดือนกุมภาพันธ์-สิงหาคม 2558) หลังจากถูกปฏิวัติรัฐประหาร และเมื่อเดินทางกลับประเทศไทย นายทักษิณ ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และเข้าไปอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทันที

ในวันเดียวกันนั้นเอง รัฐสภาไทยมีมติเลือก นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ด้วยคะแนนเสียงจากสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เข้าสู่อำนาจด้วยการทำรัฐประหาร รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย

ในก่อนหน้านั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุว่าตนไม่ทราบเรื่องที่นายทักษิณ ชินวัตร ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ และถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ขณะที่นายทักษิณ ก็ระบุด้วยว่าพรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยวกับการเดินทางกลับมาประเทศไทยของตน รวมถึงการขอพระราชทานอภัยโทษด้วยเช่นกัน

ด้าน นักวิชาการและนักวิเคราะห์ไทย แสดงความเห็นกับเบนาร์นิวส์ ถึงเงื่อนไขการติดคุกของนายทักษิณว่า มีการเจรจาวางแผนเป็นอย่างดีมาก่อนหน้าแล้ว

“เราอาจจะได้เห็นภาพ รัฐมนตรีไปขอนโยบายจากคุณทักษิณที่เรือนจำก็ได้ เพื่อไทยเป็นรัฐบาล การติดคุกมันก็สะดวก การติดมันก็ต้องสั้น เพราะเงื่อนไขการติดคุกจะอยู่ในอำนาจของฝ่ายบริหารทั้งหมด เชื่อว่า ต้องได้รับการดูแลอย่างดี และจะใช้เวลาอันสั้น” รศ.ดร. ธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าว

“การติดคุกของทักษิณ ลึก ๆ ก็อาจมีการคุยกันในระดับบนแล้ว ว่าจะจัดการเงื่อนไข เชื่อว่ามีการพูดคุยเพื่อให้การกลับมาราบรื่น และไม่ยอมติดนาน เชื่อว่าทักษิณมีอำนาจในการกำหนดทิศทาง รวมถึงการเจรจากับพรรคต่าง ๆ และแม้ตัว สส. เพื่อไทย จะมีเสียงสะท้อนต่าง ๆ แต่คงเปลี่ยนอะไรพรรคไม่ได้” ดร. ณัฐกร วิทิตานนท์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าว

คุณวุฒิ บุญฤกษ์ ในเชียงใหม่ ร่วมรายงาน