ตำรวจกล่าวว่าอาจส่งตัวผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายชาวพม่าและโรฮิงญา กลับประเทศ

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2016.08.04
สงขลา
160804-TH-MY-detainees-620.jpg เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายชาวพม่าและโรฮิงญา ที่อาคารหลังหนึ่งในปาดังเบซาร์ เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2559
เบนาร์นิวส์

เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรปาดังเบซาร์ กล่าวในวันพฤหัสบดี (4 ส.ค. 2559) นี้ ว่า ทางการอาจจะส่งตัวผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายชาวพม่าและโรฮิงญา ที่ถูกจับกุมตัวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กลับไปยังประเทศต้นทาง

“ตอนนี้ ทั้ง 62 คน ฝากขังอยู่ที่สถานีตำรวจปาดังเบซาร์ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนทั้ง 62 คน ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมาย พร้อมผลักดันกลับประเทศต้นทาง” พ.ต.ท. ประพันธ์ อารีบำบัด รองผู้กำกับการ สน.ปาดังเบซาร์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ในวันนี้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า ผู้ถูกกักตัวเป็นแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย หรือตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี้ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารร้อย ร.5021 ตำรวจตระเวนชายแดน 437 ตำรวจประจำสถานีตำรวจปาดังเบซาร์ ชุดสืบสวนภาค 9 และฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา ได้เข้าตรวจค้นภายในอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 3 คูหา เลขที่ 83/9 ซึ่งเป็นอาคารร้าง ตั้งอยู่ริมถนนสายปาดังเบซาร์ บ้านโคกส้มโอ หมู่ที่ 1 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา หลังสืบทราบว่าเป็นที่พักชั่วคราวแรงงานต่างด้าว ที่รอส่งตัวข้ามไปยังประเทศที่สาม

จากการตรวจสอบ พบแรงงานต่างด้าว 62 คน พร้อมสัมภาระการเดินทาง เป็นชาวพม่า 57 คน (ชาย 46 คน หญิง 11 คน) และเป็นชายชาวโรฮิงญา 5 คน ในจำนวนนี้ มีหนังสือเดินทาง 6 คน

“จากการสอบสวนหญิงชาวพม่าที่หลบหนีจากบ้านพักหลังดังกล่าว เพื่อมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ได้มีนายหน้าเป็นคนไทยและเป็นคนมาเลเซียได้นำตัวมาจากด่านชายแดนไทย แม่สอด จังหวัดตาก และที่ชายแดน จังหวัดระนอง” พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ ผู้กำกับการตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ แผนก 6 กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

“ในการเดินทางได้จ่ายเงินให้นายหน้า 2 แสนจ๊าด หรือประมาณ 8 พันบาทต่อคน และได้นำแรงงานมารวมกันไว้ที่บ้านหลังนี้ เป็นเวลา 5 วัน เพื่อรอนายหน้ามารับส่งต่อเข้าไปประเทศมาเลเซีย ก็ไม่มีใครมารับ เขากลัวว่าอาจถูกหลอกมาแล้วทิ้งกลางทาง จึงทำให้บางคนหลบหนีเพื่อมาขอความช่วยเหลือ” พ.ต.อ.ณรงค์ กล่าวเพิ่มเติม

เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2558 ได้มีการค้นพบหลุมศพในค่ายกักกันชาวโรฮิงญาและบังกลาเทศ ที่เทือกเขาแก้ว ในปาดังเบซาร์ จากนั้น ทางการไทยได้กวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์ มีการออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการที่รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ และทหารระดับนายพล รวม 153 ราย ซึ่งกำลังอยู่ในการพิจารณาคดี 92 ราย

นายนู มูฮัมหมัด ชาวโรฮิงญาที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยมานานกว่า 10 ปี กล่าวว่า จะยังมีการนำพาชาวพม่าและโรฮิงญาเข้ามาในประเทศเพื่อส่งผ่านไปมาเลเซียต่อไป เพราะผู้นำพาในระดับปฏิบัติการยังไม่ได้ถูกจับ

“ยังมีโรฮิงญาและพม่าเข้ามาเรื่อยๆ เพราะว่าคนที่ปฏิบัติการขนคน ยังไม่ได้ถูกจับทั้งหมด และยังมีทหาร-ตำรวจรับเงินด้วย ผ่านภูเขาจากแม่สอดมา... ถ้าไม่มีคนช่วยจะมาได้อย่างไร” นายนู กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

“ตอนนี้ เขาใช้การขนคนทางรถยนต์ เพราะทางเรือมาไม่ได้” นายนูกล่าวเพิ่มเติม

ส่วนนางแก้วมณี (นามสมมุติ) หนึ่งในผู้ที่เกี่ยวข้องกับแรงงานค้ามนุษย์ กล่าวว่า กลุ่มที่เป็นนายหน้าอยู่ในปาดังเซาร์ มีหลายกลุ่มที่ยึดอาชีพนี้มานานหลายสิบปี ช่วงที่มีการปราบปรามหนักๆ ได้ยุติการค้ามนุษย์ไปชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาทำงานค้ามนุษย์เหมือนปกติ

“จำนวน 62 คน ที่เจ้าหน้าที่ไปพบ ถือว่ายังน้อยมาก เชื่อว่ามีอีก เพราะมาจำนวนน้อยๆ แต่ละครั้ง ไม่คุ้มกับที่ได้” นางแก้วมณีกล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในรัฐเคดาห์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวเบนาร์นิวส์ว่า อาจเป็นไปได้ที่ขบวนการค้ามนุษย์ต้องการรื้อฟื้นกิจการอีกครั้งหนึ่ง และพยายามหาช่องโหว่ในการขนคนข้ามประเทศ เพราะฉะนั้น ทางการมาเลเซียจะต้องมีการเฝ้าระมัดระวังโดยเข้มงวด

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง