ศบค. ประกาศผ่อนปรนเปิด 6 กลุ่มกิจกรรม-กิจการ เริ่มวันอาทิตย์นี้
2020.04.30
กรุงเทพฯ
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยแก่สื่อมวลชนในการแถลงข่าวว่า ไทยยังคงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มเล็กน้อย และได้เปิดเผยมาตรการผ่อนปรน 6 กลุ่มกิจกรรม-กิจการ บางประเภท มีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2563
นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า ศบค. ได้ออกประกาศผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยระบุว่า ให้ทุกจังหวัดปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. โดยจะไปกำหนดมาตรการของแต่ละจังหวัดให้เข้มข้นกว่ามาตรการของ ศบค. ได้ แต่ห้ามมีความเข้มข้นน้อยกว่ามาตรการของ ศบค. ส่วนกลาง
“มีกิจกรรมและกิจการที่ผ่อนปรน ดังนี้ 1. ตลาด 2. ร้านจำหน่ายอาหาร ขนาดไม่เกินสองคูหา ร้านเครื่องดื่ม ขนมหวานไอศครีม ที่อยู่บริเวณนอกห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารริมทางรถเข็น และหาบเร่ 3. กิจการค้าปลีกค้าส่ง แบ่งเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ บริเวณพื้นที่นั่ง หรือยืนรับประทาน รถเร่ขายสินค้าอุปโภคบริโภค ร้านค้าปลีก ร้านขายปลีกกิจการสื่อสารโทรคมนาคม 4. กีฬาสันทนาการ ในสวนสาธารณะ สนามกีฬากลางแจ้งที่เป็นการออกกำลังกาย ไม่ใช่การแข่งขัน สนามซ้อม 5. ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย เฉพาะตัด สระ ไดร์ผม และ 6. อื่น ๆ ร้านตัดขนสัตว์ ร้านฝากรับเลี้ยงสัตว์” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นพ.ทวีศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ขณะนี้ ยังไม่มีการเปิดร้านภายในห้างสรรพสินค้า และยังไม่มีการจำหน่ายเหล้า และมาตรการต่างๆ จะมีการยืดขยายมาตรการออกไป จนจะมีคำสั่งเป็นอื่น"
"แนวทางการดำเนินการผ่อนปรนต้องคำนึงถึงด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ด้านสังคมและเศรษฐกิจตามมา โดยมาตรการผ่อนปรนนี้ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2563"
ซึ่งจะต้องทำตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดที่กรุงเทพมหานครกำหนดอย่างเข้มงวด โดยต้องมีการวัดอุณหภูมิผู้ใช้บริการ ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลก่อนเข้า และจัดระยะห่างระหว่างบุคคล 1.5-2 เมตร หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการนี้ก็จะสั่งปิดทันที
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้มีการต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 อย่างไรก็ตาม ยังคงให้เคอร์ฟิวห้ามออกจากเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. และห้ามเดินทางเข้า-ออกประเทศ
“การที่จะบอกว่า เบาใจ วางใจ ใช้ชีวิตให้เหมือนเดิมยังไม่ได้ เพราะถ้าจะให้เหมือนเดิมได้ มีทางเดียวต้องมีวัคซีน หรือยารักษาให้หายได้ ตอนนี้ยังไม่มี เพราะฉะนั้นยังต้องเข้มในเรื่องของการป้องกัน ควบคุมอย่างดี เพื่อตัวเลขนี้จะได้คงต่อในอีก 14 วันข้างหน้า” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ฝากถึงคนไทยทุกคนเรื่องการดำเนินมาตรการผ่อนปรน ว่า
ประการที่หนึ่ง มาตรการผ่อนปรนในครั้งนี้ ถือเป็นความรับผิดชอบของคนไทยทั้งประเทศ หากสามารถควบคุมในระยะแรกได้ จะมีมาตรการในระยะต่อ ๆ ไป สอง ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคน ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย บรรเทาความเดือดร้อน และป้องกันการระบาด ภารกิจนี้อาจจะยาก และท้าทาย แต่หากเราทุกคน ป้องกันตนเองและผู้อื่น มีความรับผิดชอบต่อสังคม พึ่งพาอาศัยกัน ก็จะสำเร็จ
สาม ต้องขอขอบคุณคณะกรรมการพิจารณามาตรการผ่อนปรน จากทุกภาคส่วน ที่ได้หามาตรการที่เหมาะสม และรอบคอบ ต่อจากนี้ เป็นหน้าที่ของคนไทยทั้งประเทศ ที่ต้องช่วยกัน ร่วมมือกัน มาตรการครั้งนี้ถึงจะสำเร็จได้
“เรายังอยู่ตัวเลขหลักเดียวอยู่นะครับ การเกิดผู้ป่วยรายใหม่ 7 ราย ทำไมให้ตัวเลขสะสม 2,954 ราย หายป่วยไปแล้ว 2,687 ราย เพิ่มขึ้น 22 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม อันนี้ก็เป็นข่าวดีอีกครั้งนึง ตอนนี้นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 213 ราย แล้วก็ กระจายอยู่ใน 68 จังหวัด ตัวเลขยังคงที่อยู่ที่ 54 ราย สำหรับรายที่เสียชีวิต” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช ในกรุงเทพฯ มีส่วนในรายงานนี้