พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2016.10.13
กรุงเทพฯ
TH-KING-1000 ประชาชนผู้จงรักภักดีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช อยู่ในอาการเศร้าโศกขณะสวดมนต์ภาวนา ที่หน้าโรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ 13 ตุลาคม 2559
เอเอฟพี

ปรับปรุงข้อมูล 2:40 p.m. ET on 2016-10-13

ในวันพฤหัสบดี (13 ตุลาคม 2559) นี้ สำนักพระราชวัง ได้ประกาศแถลงการณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสรรคตด้วยพระอาการสงบ หลังจากที่คณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราชถวายการรักษามาตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2557

“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราชบรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2557 ตามที่สำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบเป็นระยะแล้วนั้น แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี” ความตามประกาศสำนักพระราชวังกล่าว ในเวลาหนึ่งทุ่ม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย เป็นพระมหากบัตริย์องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489

ในเวลาต่อมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงการณ์ต่อประชาชนชาวไทยภายหลังจากการประกาศสำนักพระราชวังว่า ขอให้ประชาชนขาวไทยไว้อาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เป็นเวลาหนึ่งปี และให้สถานที่ราชการลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ 14 ตุลาคม เป็นต้นไป

พลเอกประยุทธ์ ได้กล่าวถึงการสืบสันตติวงศ์ว่า “การดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และตามกฎมณเฑียรบาลของการสืบสันติวงศ์พุทธศักราช 2467 ตลอดจนตามพระราชประเพณีในส่วนของการสืบสันติวงศ์ซึ่งสอดคล้องกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจะแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมสถาปนาพระราชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลไว้แล้ว เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515 จากนั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป”

หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ได้มีประกาศเรื่องการสืบสันตติวงศ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้แต่งตั้งพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์ พ.ศ. 2467 แล้ว และจะได้นำความกราบทูลบังคมเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชเป็นพระมหากษัตริย์สืบไป

จากนั้น พลเอกประยุทธ์ ได้แถลงข่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ในเวลาประมาณสี่ทุ่มถึงดำรัสของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระองค์ท่านขอเวลาทำพระทัย และแสดงความเสียใจร่วมกับพสกนิกรชาวไทยก่อน

"สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงรับสั่งไว้ว่า ท่านทรงรับพระราชทานเป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ท่านทรงขอเวลาทำพระทัยและแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชนทั้งประเทศไปก่อนในระยะเวลานี้ และท่านขอเวลาสำหรับกระบวนการของกฎหมายในการอัญเชิญขึ้นสืบราชสมบัตินั้นให้รอเวลาที่เหมาะสม"

ในวันนี้ ประชาชนนับพันคนที่เฝ้าคอยฟังพระอาการก่อนการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ มาเป็นเวลาหลายวันได้แสดงความเสียใจต่อการเสด็จจากไปของอดีตพระราชาผู้เป็นที่รักยิ่ง

“เรามาที่นี่เพื่ออยากให้พระองค์ท่านกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ทันทีที่ได้ยินประกาศว่าพระองค์สวรรคต รู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงมา บอกอะไรไม่ถูกเลย” นางเสาวภาคย์ เวทยังกูร กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

บรรดาผู้นำประเทศต่างได้ส่งสาส์นแสดงความเสียใจ และพระราชสาส์นแสดงความเสียพระทัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ

“การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ก่อให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจต่อชาวภูฐาน พระราชาแห่งภูฐานและประชาชนชาวภูฐาน ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อประชาชนชาวไทย” พระราชาจิกมี่ เกเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฐาน ทรงมีพระราชสาส์นไว้ทางเฟซบุ๊คส่วนพระองค์

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง