หมู่อาร์มปฏิเสธข้อหาขัดคำสั่ง และหนีราชการ

นนทรัฐ ไผ่เจริญ และวิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2020.06.22
กรุงเทพฯ
200622-TH-army-whistleblower-1000.jpg ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี (เสื้อสีน้ำตาล) พร้อมด้วยผู้สนับสนุน เดินทางมาถึงศาลทหาร กรุงเทพฯ วันที่ 22 มิถุนายน 2563
เอพี

ในวันจันทร์นี้ ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือหมู่อาร์ม ได้ให้การต่อศาลปฏิเสธข้อกล่าวหาขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และหนีราชการทหาร หลังนายทหารพระธรรมนูญในฐานะพนักงานสอบสวนนำตัวขึ้นศาลทหารกรุงเทพฯ และขอฝากขัง โดยภายหลัง ส.อ.ณรงค์ชัย ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวด้วยวงเงิน 5 หมื่นบาท

ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี เดินทางไปขึ้นศาลทหาร กรุงเทพฯ พร้อมทนายความ เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ตามนัดของพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นนายทหารพระธรรมนูญเพื่อยื่นฝากขังผัดแรก ท่ามกลางประชาชนที่มาให้กำลังใจหลายสิบชีวิต โดยมี นางสาวณัฐฏา มหัธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน, นายรังสิมันต์ โรม และ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส. พรรคก้าวไกล และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตผู้ต้องขัง คดีอาญามาตรา 112 เดินทางมาให้กำลังใจด้วย และระหว่างทางขึ้นศาล มีการตะโกนข้อความว่า "Save หมู่อาร์ม" เพื่อให้กำลังใจ ส.อ.ณรงค์ชัย ด้วย

“ผมปฏิเสธข้อกล่าวหาขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และหนีราชการ เพราะหลักฐานชัดเจนว่า ผมถูกข่มขู่ ผมจึงต้องหนี ผมเชื่อว่า หลักฐานเหล่านี้จะทำให้ผมกลับเข้ารับราชการได้” ส.อ.ณรงค์ชัย กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ หลังได้รับประกันตัว

“วันนี้ยังดีที่ศาลท่านยังพอมีเมตตาให้ประกันตัว รู้สึกดีกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ควบคุมตัวผมที่เข้าใจสิทธิมนุษยชน และให้สิทธิ์กับผมอย่างเต็มที่ ในส่วนของคดีที่ผมดำเนินการเรื่องทุจริต ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของ ป.ป.ช.” ส.อ.ณรงค์ชัย กล่าวเพิ่มเติม

ขณะที่ นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความของ ส.อ.ณรงค์ชัย กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ส.อ.ณรงค์ชัย ได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และยืนยันว่าจะสู้คดี

“หมู่อาร์มถูกแจ้งข้อกล่าวหา ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา โทษสูงสุดจำคุก 5 ปี และหนีราชการทหาร มีโทษสูงสุดอีก 5 ปี หมู่อาร์มปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ด้วยความที่หลักฐานเยอะ จึงขอให้การเพิ่มเป็นหนังสือ โดยมีเวลาทำคำให้การขอต่อสู้คดี 30 วัน เพื่อส่งให้กับนายทหารพระธรรมนูญ และนายทหารพระธรรมนูญจะสรุปสำนวนส่งต่อให้อัยการทหารต่อไป” นายนรเศรษฐ์ กล่าว

“วันนี้ พนักงานสอบสวนขอฝากขังเนื่องจากอ้างเหตุผลว่า การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เพราะต้องส่งลายพิมพ์นิ้วมือไปตรวจสอบประวัติอาชญากรรม เราจึงคัดค้านการฝากขังเนื่องจาก การตรวจสอบประวัติอาชญากรรม เพียงแค่พิมพ์ลายนิ้วมือส่งไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่จำเป็นต้องฝากขัง จึงยื่นประกันตัวด้วยวงเงิน 5 หมื่นบาท และศาลท่านอนุญาต” นายนรเศรษฐ์ กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ส.อ.ณรงค์ชัย ถูกกล่าวหาในความผิดฐานขัดขืนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร มาตรา 30 และหนีราชการในเวลาปกติ ตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร มาตรา 45 (3) ประกอบกับมาตรา 46 (4)

คดีความของ ส.อ.ณรงค์ชัย สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2563 นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้นำ ส.อ.ณรงค์ชัย ทหารสังกัดศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก กระทรวงกลาโหม เข้าร้องเรียนต่อกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรณีทหารชั้นผู้น้อยถูกโกงเงินเบี้ยเลี้ยง

การร้องเรียนครั้งดังกล่าว ส.อ.ณรงค์ชัย ซึ่งเข้ารับราชการในปี 2554 มีตำแหน่งล่าสุดเป็น เสมียนงบประมาณ แผนกโครงการและงบประมาณ กองแผนและโครงการ ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์ฯ ได้ใช้หลักฐานเป็นหนังสือขออนุมัติเดินทางไปราชการชั่วคราวของศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ ไปยังจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งใช้งบประมาณ 18,360 บาทต่อครั้ง จำนวน 2 ครั้ง หนังสือขออนุมัติเดินทางไปราชการชั่วคราวไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้งบประมาณ 12,240 บาทต่อครั้ง จำนวน 2 ครั้ง

และโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องกันยาเสพติด ระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2562 โดยในทุกโครงการ ใช้ชื่อทหารร่วมโครงการ 25 คน มีนายทหาร ยศพันโท และทหารหญิงยศสิบโท เป็นผู้ลงนาม ซึ่ง ส.อ.ณรงค์ชัยอ้างว่า โครงการทั้งหมดไม่มีการเดินทางจริง และตนเองถูกบังคับให้ลงชื่อ เมื่อทำการทักท้วงไปยังผู้เกี่ยวข้อง กลับถูกกลั่นแกล้ง ด้วยการลงโทษทางวินัย รวมถึง เมื่อผ่านลำดับชั้นการบังคับบัญชาของกองทัพก็ไม่ได้ผล

ต่อการร้องเรียนดังกล่าว เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก ได้แถลงข่าวระบุว่าสิ่งที่ ส.อ.ณรงค์ชัย ร้องเรียนนั้น น่าจะมีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริง ดังนั้น กองทัพบกจึงส่งเรื่องดังกล่าวต่อไปให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ และยืนยันว่า จะไม่มีการปกป้องผู้ที่กระทำผิด

“จากการสอบสวน ตามที่สิบเอกณรงค์ชัยได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว แล้วก็พบว่าทั้งหมดมีความเป็นจริง ตามที่สิบเอกณรงค์ชัยพูด ปรากฎเอกสารตามที่สิบเอกณรงค์ชัยได้เอามายื่น เรื่องเบิกเงินเบี้ยเลี้ยง และการจัดอบรมยาเสพติด แล้วไม่ได้ดำเนินการจริงตามโครงการ... เป็นระดับนายพล 3 ท่าน เคสนึงก็หมื่นกว่าบาท เรื่องเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทางนี่ 4 ครั้ง เรื่องอบรมนี่สองครั้ง เบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทางนี่ประมาณ แสนกว่า อบรมประมาณแสนกว่า” พล.ต.บุรินทร์

ในการแถลงข่าวเดียวกัน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า ตัว ส.อ.ณรงค์ชัย ได้กระทำผิดวินัยทหารด้วย โดยมีข้อพิพาทกับผู้บังคับบัญชา เรื่องความประพฤติและกระทำผิดวินัย โดยไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อย ใช้กิริยาวาจาไม่สมควรต่อผู้บังคับบัญชา โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2562 หน่วยงานต้นสังกัดจึงสั่งจำขัง ส.อ.ณรงค์ชัย 7 วัน ตั้งแต่ 18-24 มีนาคม 2563 แต่ ส.อ.ณรงค์ชัย หลบเลี่ยงนำไปสู่การถูกกล่าวหาว่า หนีราชการ อย่างไรก็ตาม ส.อ.ณรงค์ชัย อ้างว่า การถูกลงโทษเป็นการกลั่นแกล้ง ตนเองจึงจำเป็นต้องหนี นำไปสู่การที่ ส.อ.ณรงค์ชัย ถูกแจ้งข้อกล่าวหา และนำตัวมาฝากขังวันนี้

และ ก่อนหน้านี้ ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2563 บนอินเทอร์เน็ต มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่ พล.ต.อภิชาติ อาจสันเทียะ ผู้บังคับบัญชาการศูนย์ซ่อมสร้างกรมสรรพวุธทหารบก อบรม ส.อ.ณรงค์ชัย เนื่องจากกระทำผิดวินัยทหาร ซึ่ง ส.อ.ณรงค์ชัย อ้างว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาต้องหลบหนี เนื่องจากกลัวการถูกกลั่นแกล้ง

“ถ้าเอ็งอยากจะเจริญก้าวหน้า อยากอยู่ในอาชีพนี้ ก็ไปปรับปรุงตัว… การที่เราจะเถียงผู้บังคับบัญชา ทหารไม่ยอม แต่คิดว่าตัวเองไม่ผิด เขามีขั้นตอนการรายงานอยู่แล้ว… อย่าเอาความคิดแบบพลเรือน ร้องเรียน นั่นนี่ ไม่เกิดประโยชน์มันจะย้อนเข้าหาตัวเอง… เพราะฉะนั้นดูให้ดี คิดให้ดีผมบอกคุณไว้ซะก่อน ผมให้โอกาสคุณครั้งเดียว และผมไม่พอใจคุณมาก เพราะคุณทำลายหน่วยจริงๆ” พล.ต.อภิชาติ กล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง