กองปราบฝากขัง 4 ผู้ต้องหาวางแผนระเบิด กทม. ตุลาคม 59
2017.05.18
กรุงเทพฯ และปัตตานี

ในวันพฤหัสบดี (18 พฤษภาคม 2560) นี้ พนักงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจปราบปรามได้ควบคุมตัว 4 ผู้ต้องหาในคดีวางแผนก่อเหตุระเบิดในพื้นที่กรุงเทพ เมื่อปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ไปขออำนาจศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกฝากขังผัดแรก โดยตั้งข้อหามีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ และอั้งยี่ซ่องโจร
ทั้งนี้ โดยก่อนหน้าดำเนินคดีผู้ต้องหาในคดีนี้ไปแล้ว 9 คน และปัจจุบัน กำลังพยายามหาตัวผู้ต้องสงสัยที่เหลืออีก 4 คน
พ.ต.ต.(หญิง) ดวงมณี พานนาค พนักงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจปราบปราม เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า ได้ส่งตัวนายอัมรีย์ หะ อายุ 19 ปี นายนุรมัน อาบู อายุ 21 ปี นายมูฟตาดิน สาและ อายุ 19 ปี และนายต่วนฮาฟิต ดือมุงกาป๊ะ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2559 คดีร่วมกันมีวัตถุระเบิดโดยนายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ และอั้งยี่ ซ่องโจร ที่วางแผนจะก่อเหตุคาร์บอมบ์พื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อปลายปี 2559 มายื่นคำร้องขอฝากขังผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-29 พ.ค.นี้ ระหว่างที่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น และรอผลตรวจสอบประวัติอาชญากร ทั้งหมดมีภูมิลำเนาเดิมในอำเภอศรีสาคร นราธิวาส
“สำนวนนี้ฟ้องแล้วส่วนหนึ่ง สำนวนอยู่ระหว่างพิจารณาของชั้นศาล ในการพิจารณาเอกสารแล้ว ตอนนี้ เราก็ส่งไปเพิ่มกับสำนวนเดิมที่มีอยู่แล้ว 9 หมาย 9 คน วันนี้ เพิ่มอีก 4 เป็น 13 คน เหลืออีก 4 ยังจับตัวไม่ได้” พ.ต.ต.ดวงมณีกล่าว
สำหรับเรื่องทนาย ในชั้นสอบสวนมีการตั้งทนายจากสภาทนายความให้ผู้ต้องหาทั้งหมด ส่วนในชั้นศาลจะมีการตั้งทนายหรือไม่ก็เป็นสิทธิของเขาที่จะตัดสินใจ” พ.ต.ต.ดวงมณีกล่าวเพิ่มเติม
การฝากขังครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนนี้ ได้เดินทางมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 วรรคแรก และ 210 พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 4 (3), 38, 55, 78 ซึ่งในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสี่ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
หลังจากฝากขัง คณะพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการให้ประกันตัว เนื่องจากเห็นว่า คดีที่ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง หากปล่อยตัวเกรงจะทำการหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุร้ายประการอื่น
สำหรับแผนการก่อเหตุวินาศกรรมในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลช่วงปลายเดือนตุลาคม 2559 ถูกเปิดเผยต่อสื่อมวลชนโดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2559 ที่อ้างว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยได้รับการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้ายสหพันธ์ออสเตรเลีย โดยคาดว่าจะใช้ระเบิดลักษณะคาร์บอมบ์ในการสร้างสถานการณ์
หลังจากนั้นสหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) อ้างว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้บุกเข้าค้นที่พักหลายแห่ง ย่านรามคำแหง เพื่อควบคุมตัวนักศึกษากว่า 40 คน และปล่อยตัวออกมาภายหลัง
เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าในการตรวจค้นห้องเช่าย่านรามคำแหงของนักศึกษาจากพื้นที่จังหวัดภาคใต้ พบสารตั้งต้นที่อาจใช้ประกอบระเบิดจริง จึงได้ออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัย 17 ราย ซึ่งปัจจุบัน สามารถควบคุมตัวและตั้งข้อหาได้ทั้งหมด 13 ราย เหลือ 4 รายที่ยังไม่สามารถหาตัวได้
เหตุระเบิดต่อเนื่องทั้งกรุงเทพฯ และภาคใต้
ในช่วงค่ำของวันที่ 15 พฤษภาคม 2560 เกิดเหตุระเบิดบนทางเท้า หน้าโรงละครแห่งชาติ ย่านสนามหลวง เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย คือ นางกัญชนา บุญชีพ อายุ 37 ปี ชาวระยอง และ น.ส.จันทร์เพ็ญ วุฒิเอกไพบูลย์ อายุ 54 ปี ชาวนครนายก ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เป็นการใช้ระเบิดขนาดเล็กแบบตั้งเวลา โดยเชื่อว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อก่อกวนสร้างสถานการณ์ ไม่ได้หวังเอาชีวิต เนื่องจากพบว่าใช้ดินระเบิดจำนวนน้อยมาก และเมื่อวันอังคารนี้ ได้เกิดระเบิดขนาดเล็กตรงด้านหน้าโรงละครแห่งชาติ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยสองราย
ในปัตตานี เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้ง ในพื้นที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 80 ราย และยานพาหนะเสียหาย 149 คัน โดยรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ คนร้ายได้ปล้นไปจากนายนุสน ขจรคำ ชาวลำปางซึ่งย้ายมาอาศัยอยู่ในจังหวัดยะลา โดยภายหลังพบว่านายนุสนถูกคนร้ายสังหาร และนำศพไปทิ้งไว้ในเขต อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
สำหรับความคืบหน้า การจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ปัตตานี พลโทปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุในวันพุธว่า "ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับตัวคนร้ายได้แล้ว 2 ราย ศาลออกหมายจับแล้ว 9 ราย หมายตาม พรก. 2 รายรวมเป็น 11 ราย"