ศาลมณฑลทหารบกที่ 15 ออกหมายจับมือระเบิดหัวหินรายสุดท้าย

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2016.09.08
เพชรบุรี
TH-bomb-huahin-620 เจ้าหน้าที่กู้ภัย ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่หัวหิน วันที่ 12 ส.ค. 2559
สมชาย ขวัญกิจเศวต/เบนาร์นิวส์

วันพฤหัสบดี (8 ก.ย. 2559) นี้ พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางไปยังศาลมณฑลทหารบกที่ 15  อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคดีวางระเบิดที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพิ่มเป็นรายที่สาม

ศาลมณฑลทหารบกที่ 15 ได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา ชื่อ นายเสรี แวมามุ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ที่ 6 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามผู้ต้องหาวางระเบิดที่หัวหินในวันที่ 11 และ 12 สิงหาคม ที่ปรากฏตามหลักฐานในกล้องวงจรปิด ในข้อหามีวัตถุระเบิดที่ใช้ในการสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ครอบครองได้ และข้อหาพยายามวางเพลิง

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า นอกจากนี้แล้ว นายเสรี ยังเคยถูกออกหมายจับในคดีเหตุคาร์บอมบ์โรงแรมลีการ์เด้นพลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 อีกด้วย รวมทั้งยังพบว่า มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกหลายคดี

“ในส่วนของการก่อเหตุระเบิดในพื้นที่อำเภอหัวหิน ขณะนี้ ศาลได้อนุมัติออกหมายจับครบทั้ง 3 คนแล้ว วันนี้ ได้ออกหมายจับ นายเสรี แวมามุ อายุ 31 ปี ชาวอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา จากกรณีร่วมกับพวกลอบวางระเบิดที่ตลาดฉัตรไชย 3 อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้งหมดกำลังติดตามตัวอยู่ แต่มั่นใจว่าขณะนี้คนร้ายยังคงอยู่ในประเทศ” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

การออกหมายจับครั้งนี้ นับเป็นรายที่ 6 ในคดีระเบิดและวางเพลิงที่เกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 10 ถึง 12 ใน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตรัง ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และประจวบคีรีขันธ์ มีผู้เสียชีวิตรวมสี่ราย บาดเจ็บหลายสิบราย

สำหรับผู้ต้องหาที่ออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ 5 คน ได้แก่ หนึ่ง นายอาหะมะ เลงฮะ พยายามก่อเหตุระเบิดที่หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต  สอง นายรุสลัน ใบมะ คดีเดียวกับนายเสรี  สาม นายอัสมีน กาเต็มมาดี คดีเดียวกับนายเสรี  สี่ นายฮากีม ดอเลาะ ก่อเหตุที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและยังถูกออกหมายจับในคดีคาร์บอมบ์ที่หน้าโรงแรมเซาท์เทิร์นวิว อำเภอเมืองปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา และ ห้า นายอับดุลกอเดร์ สาแล๊ะ ก่อเหตุที่จังหวัดตรัง ซึ่งรายสุดท้าย เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้แล้ว

เจ้าหน้าที่จับกุมตัวมือระเบิดในพื้นที่อำเภอยะหา หลังปะทะเดือด

เมื่อกลางดึกของวันพุธนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ได้เข้าปิดล้อมบ้านเช่า เลขที่ 137/5 บ้านอูยงซูแง หมู่ที่ 6 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา จนเกิดการปะทะกลับกลุ่มคนร้าย 3 ราย ประมาณ 5 นาที เมื่อเสียงปืนสงบ เจ้าหน้าที่ได้พบ นายลาหริ สาและ อายุ 36 ปี หนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในร่องน้ำห่างจากบ้านดังกล่าว ประมาณ 60 เมตร ทางเจ้าหน้าที่ จึงได้อาศัยอำนาจกฎอัยการศึกควบคุมตัวมาดำเนินกรรมวิธีซักถาม ส่วนคนร้ายอีก 2 ราย หลบหนีไปได้

ทางเจ้าหน้าที่ ได้ยึดของกลางหลายรายการ เช่น จักรยานยนต์ที่แปลงสภาพ เพื่อเตรียมประกอบเป็นมอเตอร์ไซค์บอมบ์ ระเบิดแสวงเครื่องจำนวน 1 ลูก บรรจุในถังดับเพลิงสภาพพร้อมใช้งาน และปืนพกสั้นขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก

จากการตรวจสอบข้อมูล นายลาหริ สาและ เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ตำบลปะแต อำเภอยะหา จังหวัดยะลา อยู่ภายใต้กลุ่มของนายฮูไบดีละห์ รอมือลี แกนนำร่วมระดับสั่งการในพื้นที่อีกชั้นหนึ่ง

นายมะรอซี อีปง อายุ 40 ปี เจ้าของบ้านกล่าวแก่เบนาร์นิวส์ กลุ่มคนดังกล่าว จำนวน 3 คน มาพักอาศัยที่บ้านของตนตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยทั้งสามคนได้เดินทางขึ้นไปบนภูเขา และกลับมาอีกที จนเกิดปะทะกับเจ้าหน้าที่ในวันพุธนี้

เหตุร้ายรายวัน

ในวันพฤหัสบดีนี้ ร.ต.อ.อโนชา สร้อยแก้ว รองสว.สอบสวน สภ.สโร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุลอบวางระเบิดรถเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ สภ.บ้านโสร่ง ที่บริเวณ ม.7 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ถูกนำส่งโรงพยาบาลยะรัง เหตุเกิดขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นาย ทำการรักษาความปลอดภัยครู ก่อนที่คนร้ายจะกดชนวนจนเกิดระเบิดขึ้น

ต่อมา คนร้ายลอบวางระเบิดในท่อระบายน้ำใต้ถนนสายพรุชิง - กระอาน หมู่ 7 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา แรงระเบิดทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อ คือ นายเจ๊ะนิ ดอเล๊าะ อายุ 65 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพรุชิง ถูกนำส่งโรงพยาบาลเทพา จ.สงขลา

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง