ศาลฎีกาตัดสินจำคุกการ์ดพันธมิตรฯ 76 คน คดีบุกช่อง 11 ปี 51
2018.02.21
กรุงเทพฯ

ศาลฎีกามีคำพิพากษาในวันพุธนี้ ให้จำคุกการ์ดของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 76 คน จากคดีบุกรุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที (ช่อง 11) ในการชุมนุมขับไล่รัฐบาลของ นายสมัคร สุนทรเวช ปี 2551 โดยให้ลงโทษจำคุกตั้งแต่ 4-9 เดือน แต่ในนั้นมีผู้ไม่มาฟังคำพิพากษา 5 คน จึงให้ออกหมายจับทันที และ ให้รอลงอาญาเยาวชน 6 คน ส่วนความผิดฐานซ่องโจรให้ยกฟ้อง
คดีนี้ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธเนศร์ คำชุม กับพวกรวม 85 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป
โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, ร่วมกันไม่มีเหตุอันสมควรเข้าไปหรือซ่อนตัวในเคหสถาน หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ, ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญาหลายมาตรา และพ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490, พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2545 และ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2535
จากการอ้างตัวเป็น “กลุ่มนักรบศรีวิชัย” การ์ดของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) พกอาวุธ เครื่องกระสุน มีดดาบ บุกรุกเข้าไปทำลายทรัพย์สินอาคารสำนักงานสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้มีทรัพย์สินเสียหายมูลค่ากว่า 6 แสนบาท
เบื้องต้น จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ต่อมา นายมานิต อรรถรัฐ จำเลยที่ 42 หลบหนีระหว่างพิจารณาคดี ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ชั่วคราวจนกว่าจะได้ตัวมา จำเลยที่เหลือ 84 ราย ได้รับการประกันตัวระหว่างฎีกาด้วยหลักทรัพย์ 200,000 บาท โดยในวันพุธนี้มีจำเลยเดินทางมาฟังคำพิพากษา 79 คน ไม่ได้เดินทางมาอีก 5 คน ศาลเห็นว่า มีพฤติการณ์หลบเลี่ยง จึงให้ออกหมายจับ
“ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ก่อนเกิดเหตุนั้น กลุ่มพธม.ชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช โดยแกนนำปราศรัยว่าจะไปปิดล้อมสถานที่ราชการ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า จะมีการยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ในวันที่ 26 ส.ค. 2551 จึงนำกำลังไปดูแลรักษาความปลอดภัย ต่อมาในเวลา 04.30 น. พวกจำเลยใส่ชุดดำไปรวมตัวกันและบุกรุกเข้าไปภายในอาคารสถานีเวลา 05.00 น. พร้อมพกพาอาวุธไม้แหลม กระจายกำลังไปตามชั้นต่างๆ ตำรวจจึงเข้าจับกุมได้พร้อมอาวุธ และต่อมาเวลา 8.00 น. ก็มีผู้ชุมนุม พธม.กว่า 1 หมื่นคน บุกรุกเข้าไปบริเวณสถานี แล้วออกจากสถานีในเวลา 18.00 น. ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว จึงพิพากษายืน” คำพิพากษาของศาลฎีกาตอนหนึ่งระบุ
ทั้งนี้ ศาลฏีกาพิพากษาให้ยืนโทษจำคุกตามศาลอุทธรณ์ นายธเนศร์ คำชุม จำเลยที่ 1 จำคุก 8 เดือน นายเมธี อู่ทอง 8 เดือน นายนัสเซอร์ ยีหมะ อดีตหัวหน้าการ์ดเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และพวกรวม 76 คน คนละ 6 เดือน โดยระบุโทษปรับจำเลยบางคนในความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นอีกคนละ 500 บาท นายอัมรินทร์ ยี่เฮง ให้บวกโทษในคดีนี้กับคดีอื่นอีก 3 เดือน รวมจำคุก 9 เดือน และนายประดิษฐ์ คงช่วย ให้บวกโทษกับคดีอื่นอีก 2 เดือน จึงจำคุกรวม 8 เดือน
สำหรับกลุ่มเยาวชนที่ขณะกระทำความผิดมีอายุไม่เกิน 20 ปี ให้จำคุกคนละ 4 เดือน ในขณะที่กลุ่มเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ระหว่างกระทำผิดให้จำคุกคนละ 3 เดือน โดยเยาวชนทั้งหมดศาลฯ เห็นว่าควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้เป็นเวลา 2 ปี และให้รายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในกำหนด 1 ปี พร้อมกันนี้ ให้ออกหมายจับจำเลยทั้ง 5 คนที่ไม่มาฟังคำพิพากษา เพื่อรับโทษต่อไป
หลังศาลอ่านคำพิพาษาเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เข้าควบคุมตัวจำเลยทั้งหมดทันที โดยนักโทษชาย 69 คน ถูกนำไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ นักโทษหญิง 4 คน ถูกนำไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เยาวชน 6 ราย ที่ได้รับการรอลงอาญาเดินทางกลับพร้อมญาติ โดยนักโทษบางคนมีสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมโบกมือให้ญาติที่มาให้กำลังใจ ระหว่างถูกควบคุมตัวไปรับโทษในเรือนจำ
นายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ หนึ่งในจำเลยที่ได้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวในตอนเช้าก่อนฟังคำพิพากษาว่า ที่ทำไปเพราะต้องการให้สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีกลับมาเป็นของประชาชน ปฏิเสธว่าไม่เคยเป็นนักรบศรีวิชัย ไม่เคยคิดจะเป็น
“ผมเองสรุปว่า การปฏิบัติการของผมผิดพลาดครับ และมีส่วนทำให้เกิดการผลิตซ้ำ ทำให้อำนาจนอกระบบเติบโตขึ้น ดังนั้น ผมจึงไม่ร่วม กปปส. ครับ" นายนิติรัตน์ โพสต์ตอบคนให้กำลังใจในเฟซบุ๊ก ซึ่งได้รับกำลังใจจากนักกิจกรรมทั้งจากคนเสื้อแดง และกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยจำนวนมาก
สำหรับนายนิติรัตน์ เป็นนักกิจกรรมที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของ กปปส. และ คสช. โดยล่าสุดได้เข้าร่วมกับกลุ่มเดินเพื่อสันติภาพ People Go Network รวมถึงร่วมเคลื่อนไหวกับชาวบ้านที่ออกมาคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา-กระบี่ ได้โพสต์ข้อความสุดท้ายในเฟซบุ๊กว่า “จนกว่าเราจะได้พบกันอีก 6 เดือน”