ครม. ส่วนหน้า ประชุมร่วมกับประชาคมพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ครั้งแรก

ในวันพุธ (2 พฤศจิกายน 2559) นี้ พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.ส่วนหน้า) หรือที่สื่อมวลชนเรียก "ครม.ส่วนหน้า" และคณะทำงานทั้งหมด 13 คน ได้ประชุมร่วมกับผู้นำศาสนาอิสลาม ผู้นำศาสนาพุทธ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และเอ็นจีโอในพื้นที่ เพื่อทำความเข้าใจ และมอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในท้องถิ่นดำเนินงาน

พล.อ.อุดมเดช และคณะ ได้เปิดการประชุมแบบเต็มคณะในพื้นที่ และพูดคุยกับสื่อมวลชนในภาคใต้เป็นครั้งแรก ที่สำนักงานที่ค่ายพระสุริโยทัย ในอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี

ซึ่งในฐานะหัวหน้าผู้แทนพิเศษรัฐบาล พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า รัฐบาลต้องการให้คณะ ครม.ส่วนหน้า และหน่วยงานในพื้นที่ดำเนินงานด้วยสันติวิธี เนื่องจากซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานยุทธศาสตร์ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ส่วนเรื่องความกังวลเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของคณะผู้แทนพิเศษฯนั้น ไม่อยากให้กังวล

"ยืนยันว่าจะทำหน้าที่เพียงการประสานงานระหว่างพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กับส่วนกลาง เพื่อขับเคลื่อนงานในพื้นที่ให้เร็วขึ้น โดยไม่มีอำนาจในการสั่งการใดๆ ขอให้สบายใจในส่วนนี้"

การประชุมครั้งนี้ มีการหารือร่วมกับคณะกรรมการอิสลาม 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตัวแทนกลุ่มไทยพุทธ และตัวแทนนักกิจกรรมเพื่อสังคม พร้อมทั้งมอบหน้าที่ และนโยบาย ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ

ทางด้านพล.อ.อุดมเดช ได้มอบหมายหน้าที่รับผิดชอบในกลุ่มงานต่างๆ ให้กับคณะทำงาน ดังนี้

1. งานรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รับผิดชอบโดย พล.อ.ปราการ ชลยุทธ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4

2. งานอำนวยความยุติธรรมและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ รับผิดชอบโดย พล.อ.สกล ชื่นตระกูล อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ อดีตผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้

3. งานสร้างความเข้าใจทั้งในและต่างประเทศ เรื่องสิทธิมนุษยชน รับผิดชอบโดย พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4

4. งานการศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม รับผิดชอบโดย พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 และนายสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

5. งานพัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่ และคุณภาพชีวิตประชาชน รับผิดชอบโดยนายภาณุ อุทัยรัตน์ อดีตเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และนายจำนัล เหมือนดำ อดีตรองเลขาธิการ ศอ.บต.

6. งานเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ และการขับเคลื่อนนโยบายรับผิดชอบโดย พล.อ.จำลอง คุณสงค์ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 และนายพรชาต บุนนาค อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

7. งานแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งโดยสันติวิธี รับผิดชอบโดย พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 และพล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข

"การวางแผนงานด้านนโยบายถือว่าครบทุกด้าน คณะที่เข้าทำงานซึ่งทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญส่งบุคคลที่มีประสบการณ์ทุกด้านมาทำงานประชาชน ควรให้เวลาคณะได้ทำงานเพื่อความสงบสุขของทุกคน คิดว่ามีความหวังมากกว่าที่ผ่านมา เชื่อว่าจะสามารถเข้ามาแก้ปัญหาได้” นายแวดือราแม กล่าว

นางกุสุมา จิตจำเจริญ ชาวจังหวัดปัตตานี เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลส่งตัวแทนมาแก้ปัญหาในจังหวัดภาคใต้ และถือว่าเป็นการให้โอกาสคณะทำงานซึ่งเคยทำหน้าที่ในพื้นที่มาแล้วแก้ปัญหาเก่าที่ยังแก้ไม่สำเร็จสมัยที่รับราชการอยู่

“ถือเป็นโอกาสที่ดีของคนในพื้นที่ ที่รัฐบาลทุ่มทั้งคนและกำลังเจ้าหน้าที่ อีกทั้งนำคณะข้าราชการที่เกษียณอายุที่เคยแก้ปัญหาในพื้นที่มาอย่างเต็มที่แล้วแต่ยังไม่ดีขึ้นได้กลับมาแก้ตัวทำงานอีกครั้งภายใต้ ครม.ส่วนหน้า ก็ขอให้แก้ปัญหาให้ชาวบ้านอย่างจริงจัง” นางกุสุมากล่าว

แม้ว่าทางรัฐบาล จะได้พยายามปรับการทำงานเพื่อให้เกิดสันติสุขในพื้นที่ แต่เมื่อถึงตอนค่ำของวันพุธนี้ ได้เกิดเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่จังหวัดปัตตานี นราธิวาส และสงขลา หลายแห่ง โดยหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้รายงานข่าวว่า มีผู้ถูกยิงเสียชีวิตสองราย ซึ่งเป็น รปภ. ของศูนย์รถยนต์อีซูซุ ในอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา รวมทั้ง มีเหตุการยิงพลทหารเสียชีวิตหนึ่งนาย ที่ตรงป้อมปฏิบัติการในสังกัด ฉก. ปัตตานี 23

นอกจากนั้น ได้มีการรายงานเหตุต่างๆ และมีการแชร์ภาพเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นทางโซเชียลมีเดีย เช่น การเผาร้าน 7-11 ในปั๊มป์น้ำมันปตท. สี่แยกดอนยาง ในปัตตานี การโปรยเรือใบบนถนน ในอำเภอเทพา และเหตุการณ์ล่าสุด คนร้ายลอบวางระเบิดเสาไฟ้ฟ้า บนถนนสาย 42 บริเวณ บ.บาโงมูลง ม.6 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้เสาไฟฟ้าล้มขวางถนน จำนวน 4 ต้น เป็นต้น