หลานพลทหารวิเชียรร้องอัยการสูงสุดให้ไม่สั่งฟ้องคดีหมิ่นประมาท และ พรบ.คอมพิวเตอร์

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2017.03.16
กรุงเทพฯ
TH-naritsarawan-1000 น.ส.นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายพันธ์โชติ บุญศิริ อัยการพิเศษฝ่ายสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด วันที่ 16 มีนาคม 2560
เบนาร์นิวส์

ในวันพฤหัสบดี (16 มีนาคม 2560) นี้ น.ส.นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หลานสาวของพลทหารวิเชียร เผือกสม ซึ่งเสียชีวิตระหว่างประจำการในค่ายทหาร เมื่อปี 2554 ได้เข้ายื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด เพื่อร้องขอให้อัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีหมิ่นประมาท และความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ที่ พ.ต.ภูริ เพิกโสภณ อดีตผู้บังคับบัญชาของน้าชายเป็นผู้ฟ้องร้อง น.ส.นริศราวัลถ์

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2558 พ.ต.ภูริ เพิกโสภณ อดีตผู้บังคับบัญชาของพลทหารวิเชียร แจ้งความเอาผิดฐานหมิ่นประมาทต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรอำเภอเมืองปัตตานี กล่าวโทษ น.ส.นริศราวัลถ์ ที่ได้โพสต์ข้อความลงสู่อินเตอร์เน็ตว่า มีทหารหลายรายเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพลทหารวิเชียร ในระหว่างประจำการที่ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จ.นราธิวาส ในปี พ.ศ. 2554 แต่บางราย ไม่ถูกสั่งพักราชการ และตั้งคำถามว่าเป็นการกระทำที่เลือกปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งการโพสต์ข้อความได้มีการพาดพิง พ.ต.ภูริ เพิกโสภณ

น.ส.นริศราวัลถ์กล่าวว่า การพิจารณาสำนวนคดีในระดับภาค อัยการจังหวัดนราธิวาส และอธิบดีอัยการภาค 9 ได้มีความเห็นไม่สั่งฟ้องในคดีหมิ่นประมาท และข้อหาการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ แต่ทางรองผู้บัญชาการ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความเห็นเสนออัยการสูงสุดให้พิจารณาสั่งฟ้องตน ในข้อหาหมิ่นประมาท และการส่งต่อข้อมูลซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

“อัยการประจำจังหวัดนราธิวาสเป็นคนพิจารณา มีความเห็นแล้วส่งให้สำนักงานอัยการภาค 9 ผลสรุปก็คือ อัยการจังหวัด รองอธิบดีอัยการภาค 9 และอธิบดีอัยการภาค 9 มีความเห็นไม่สั่งฟ้องทุกข้อกล่าวหา แต่เมื่อส่งเรื่องต่อให้กับ ศชต. ซึ่งเราก็ได้เข้าไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับท่านแล้ว แต่ท้ายสุดท่านรอง ผบ.ศชต. ท่านเห็นด้วยไม่สั่งฟ้องกรณีนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ แต่มีความเห็นแย้งให้ฟ้องหมิ่นประมาท และส่งต่อข้อมูล พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แล้วส่งต่อให้ อสส. ชี้ขาด จึงมายื่นหนังสือวันนี้” น.ส.นริศราวัลถ์กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

การแจ้งความของ พ.ต.ภูริ ทำให้ น.ส.นริศราวัลถ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมกุมตัวในวันที่ 26 กรกฎาคม 2559 ขณะกำลังทำงานที่ กรมสวัสดิการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และถูกส่งตัวไปยัง จังหวัดปัตตานี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ก่อนได้รับการประกันตัวภายหลัง

น.ส.นริศราวัลถ์ยืนยันว่า การโพสต์ข้อความของตนเองเป็นการนำเสนอข้อมูลเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับพลทหารวิเชียรซึ่งเป็นน้าชาย และไม่ได้เป็นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือบิดเบือน จึงจำเป็นต้องเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับคดีที่ตนเองตกเป็นผู้ต้องหา

การเสียชีวิตของพลทหารวิเชียร และแสวงหาความเป็นธรรม

พลทหารวิเชียร เผือกสม อายุ 26 ปี มหาบัณฑิตจากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมัครเข้าเป็นทหารเกณฑ์ในปี 2554  และระหว่างการฝึกในวันที่ 1 มิถุนายน 2554 หรือประมาณ 1 เดือน หลังจากการเข้าฝึกได้ถูกทหารครูฝึกทำโทษด้วยการตบหน้า บังคับให้กินพริกสด ลากตัวไปกับพื้นปูน ใช้เกลือทาที่บาดแผล เหยียบหน้าอก และถูกทุบตีด้วยท่อนไม้ไผ่ โดยครูฝึกอ้างว่า พลทหารวิเชียรมีความพยายามที่จะหลบหนี

ในวันที่ 4 มิถุนายน 2554 พลทหารวิเชียรถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการไตวาย เพราะกล้ามเนื้อบาดเจ็บรุนแรง และได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาล ในวันต่อมา จากภาพถ่ายที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อและอินเตอร์เน็ตพบว่า สภาพศพของพลทหารวิเชียรมีแผลบวมช้ำทั่วตัว

หลังจากการเสียชีวิตของพลทหารวิเชียร น.ส.นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ ซึ่งเป็นหลานสาวของพลทหารวิเชียร ได้ทำการเผยแพร่ข้อมูลการเสียชีวิตของพลทหารวิเชียรผ่านเว็บไซต์พันทิป โดยระบุว่า เธอได้พยายามดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับการเสียชีวิตของน้าชาย โดยในกระบวนการขอความเป็นธรรมนั้น ต้องพบกับอุปสรรคหลายข้อ

น.ส.นริศราวัลถ์ ยังระบุผ่านการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ในงานศพพลทหารวิเชียร หน่วยทหารต้นสังกัดไม่ได้เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดแก่ญาติ แต่เสนอที่จะขอพระราชทานเพลิงศพและคลุมศพด้วยธงชาติ แต่ครอบครัวปฏิเสธ และเรียกร้องให้สืบสวนข้อเท็จจริง

โดย น.ส.นริศราวัลถ์ ได้ทำหนังสือร้องถึงกรมทหารราบที่ 151 ต้นสังกัดของพลทหารวิเชียร กองพลทหารราบที่ 15 ซึ่งดูแล 3 จังหวัดชายแดนใต้ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่คำร้องไม่ได้รับการพิจารณา

น.ส.นริศราวัลถ์ ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เรื่องราวดังกล่าวจึงถูกส่งต่อจนถึงแม่ทัพภาคที่ 4 และเกิดการสอบสวน และสั่งลงโทษทางวินัยผู้เกี่ยวข้อง 16 นาย ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ทั้งการภาคทัณฑ์ ขัง กักบริเวณ จำขัง และปลด

มารดาของพลทหารวิเชียรได้ยื่นฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนทางละเมิดต่อหน่วยงานต้นสังกัด เนื่องจากเป็นกรณีละเมิดในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2555 โดยเรียกเงินค่าเสียหายจากกองทัพบก 16 ล้านบาท และในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้กองทัพบกจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของพลทหารวิเชียรเป็นเงิน 7,049,213 บาท

ในทางคดีอาญา การสอบสวนของศาลทหารพบว่ามีทหารผู้ร่วมกระทำผิด 10 นาย ศาลทหารได้ส่งข้อมูลให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาต่อ ก่อนส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จนกระทั่ง ป.ป.ท. ชี้มูลความผิดว่า ทหารทั้ง 10 นาย มีความผิดจริงในปี 2558

หลังจาก ป.ป.ท.ชี้มูลความผิด กองทัพบกได้มีคำสั่งให้พักราชการผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 9 นาย ยกเว้นร้อยโท (ยศในขณะนั้น) ภูริ เพิกโสภณ และพบว่า ร.ท.ภูริ ได้รับการเลื่อนยศเป็นพันตรี น.ส.นริศราวัลถ์จึงพยายามยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ท. และกองทัพบก เพื่อขอให้มีการพักราชการ พ.ต.ภูริ เนื่องจากเกรงว่าหากพันตรีภูริยังปฎิบัติหน้าที่ตามปกติ อาจมีผลต่อรูปคดี จนกระทั่ง พ.ต.ภูริถูกสั่งพักราชการในเดือนมกราคม 2560

ปัจจุบัน การสอบสวนยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา โดย พ.ต.ภูริ ถูก ป.ป.ท.ชี้มูลความผิดในประมวลกฎหมายอาญา ตามมาตรา 157 มาตรา 83  และมาตรา 290

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง