ศาลทหารเริ่มพิจารณาคดีระเบิดราชประสงค์ เริ่มสืบพยานนัดแรก

สมชาย ขวัญกิจเศวต และนนทรัฐ ไผ่เจริญ
2016.11.15
กรุงเทพฯ
TH-suspect-trial-620 นายอาเด็ม คาราดัก จำเลยที่หนึ่ง ในคดีวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม เดินทางขึ้นศาลทหาร ภาพเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559
เบนาร์นิวส์

ในวันอังคาร (15 พ.ย.) นี้ ศาลทหารกรุงเทพ ได้เริ่มสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม หลังจากมีการเลื่อนการสืบพยานมาสองครั้ง เพราะจำเลยไม่สามารถหาล่ามแปลภาษาอุยกูร์ได้ โดยพนักงานอัยการโจทก์ ได้เบิกตัวเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนเป็นพยานปากแรก

ในวันนี้ จำเลยได้ล่ามภาษาอุยกูร์ จากการจัดหาของสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำสหราชอาณาจักรไทย ซึ่งแม้ว่าจำเลยจะมีความรู้สึกกังวล ทั้งนี้เพราะจำเลยเป็นบุคคลเชื้อสายอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในเขตปกครองพิเศษซินเจียงของจีนที่ถูกข่มเหง แต่ได้ยอมให้การสืบพยานดำเนินการต่อไป เพื่อให้กระบวนการสามารถเดินหน้าได้

การสืบพยานฝ่ายโจทก์นัดแรกครั้งนี้ถือเป็นการนัดครั้งที่ 3 ของศาลหลังจากถูกเลื่อนมาแล้ว 2 ครั้ง ในวันที่ 23 สิงหาคม 2559 และ 15 กันยายน 2559 เนื่องจากนายอาเด็ม คาราดัก หรืออีกชื่อหนึ่งคือบิลาล โมฮัมเหม็ด จำเลยที่หนึ่ง และนายไมไรลี ยูซุฟู จำเลยที่สอง ปฎิเสธที่จะให้การ หากไม่มีล่ามที่สามารถสื่อสารภาษาอุยกูร์ได้อย่างเหมาะสมเป็นผู้แปล

ในการนัดสอบปากคำของศาลทหารในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 จำเลยได้เดินทางรับทราบข้อหาร่วมสิบข้อหา ที่สำคัญๆ คือ การร่วมกันทำให้เกิดระเบิด และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยจำเลยทั้งสองได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

สำหรับการขึ้นศาลครั้งนี้ จำเลยที่หนึ่งและจำเลยที่สองเดินทางมาขึ้นศาลตามนัดพร้อมทนายความ ขณะที่อัยการโจทก์ได้เบิกพยานปากแรก คือ พ.ต.ท.สมเกียรติ พลอยทับทิม พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สำนักงานตำรวจภูธรลุมพินี และล่ามภาษาอุยกูร์เป็นล่ามที่ศาลทหารเป็นผู้ประสานสถานทูตฯ จีนในการจัดหา

นายชูชาติ กันภัย ทนายความฝ่ายจำเลยเปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ ในวันอังคารนี้ว่าว่า ขั้นตอนการสืบพยานโจทก์ถือว่ายังไม่เสร็จสิ้น จะต้องดำเนินการสืบต่อในวันพุธ และศาลจะเป็นผู้กำหนดว่าจะมีการนัดสืบพยานครั้งต่อไปเมื่อใด

“พยานโจทก์ พันตำรวจโทสมเกียรติ พลอยทับทิม เป็นพนักงานสอบสวนที่รวบรวมหลักฐานวันเกิดเหตุ วันนี้ สอบสวนปากเดียวก็ยังไม่เสร็จ เพราะเอกสารมีเยอะ และต้องเบิกความ ล่ามต้องแปลให้จำเลยฟังอีก” นายชูชาติ กล่าว

ทั้งนี้ พ.ต.ท.สมเกียรติ พลอยทับทิม ได้กล่าวต่อศาลว่า ตนเห็นผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุเป็นจำนวนมาก

ทนายความชูชาติ ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องล่ามภาษาอุยกูร์สองรายที่สถานทูตจีนเป็นผู้จัดหานั้นว่า จำเลยได้แถลงต่อศาลถึงความรู้สึกกังวลเล็กน้อยต่อล่ามที่ฝ่ายจีนจัดหาให้

“ล่าม(ทั้งสองคน) ก็สามารถสื่อสารกับจำเลยได้ดี เพราะเขาพูดภาษาอุยกูร์ เพียงแต่จำเลยเขากังวลใจว่ามาจากสถานทูตจีนเท่านั้นเอง เรื่องอื่นไม่มีอะไร จำเลยเขายืนแถลงต่อศาลโดยตรง ซึ่งศาลท่านก็บันทึกไว้เรื่องเกี่ยวกับที่เขามีข้อขัดข้องตรงนี้” นายชูชาติเพิ่มเติม

คดีระเบิดราชประสงค์

ในช่วงค่ำของวันที่ 17 สิงหาคม 2558 ที่บริเวณศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ คนร้ายในชุดเสื้อสีเหลืองได้นำกระเป๋าซึ่งบรรจุระเบิดไปวางไว้ใต้เก้าอี้นั่งด้านในศาลท้าวมหาพรหม และจุดระเบิดซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 คน และบาดเจ็บ 125 ราย

ในวันรุ่งขึ้น ได้เกิดเหตุคนร้ายพยายามวางระเบิดท่าเรือสาทร แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

หลังจากเกิดเหตุไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน คือ นายอาเด็ม คาราดัก และนายไมไรลี ยูซุฟู ซึ่งทั้งคู่ให้การสารภาพในชั้นสอบสวน ก่อนกลับคำรับสารภาพในชั้นศาล

หลังกระบวนการสอบสวน อัยการทหารฟ้องจำเลยที่หนึ่งใน 10 ข้อหา ประกอบด้วย 1. ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่ออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง และใช้วัตถุระเบิดในการกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น 2. ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควร 3. ร่วมกันพยายามกระทำให้เกิดระเบิด 4. ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 5. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 6. ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ 7. ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง 8. ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 9. ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส ได้รับอันตรายแก่ร่างกาย และทรัพย์ของผู้อื่น และ 10. เป็นคนต่างด้าวเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต

ศาลฟ้องจำเลยที่สอง ใน 8 ข้อหาแรก เหมือนจำเลยที่หนึ่ง ทั้งนี้เพราะคดีระเบิดท่าเรือสาทร ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และจำเลยที่สอง เดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ไม่ถูกส่งฟ้องในข้อหาที่ 9 และ 10

ซึ่งแม้ในชั้นสอบสวน ทั้งคู่จะสารภาพว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมก่อเหตุ แต่ในการสอบคำของศาลทหาร ผู้ต้องหาทั้งสองได้ให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ถูกข่มขู่ และทำร้ายร่างกายจึงจำเป็นต้องรับสารภาพ

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการในการวางระเบิดครั้งนี้ รวม 17 ราย เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้เพียงแค่สองราย ส่วนที่เหลือเจ้าหน้าที่กำลังพยายามตามตัวมาดำเนินคดีอยู่

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง