ไฟป่า ในนราธิวาสสร้างความเสียหายให้พื้นที่การเกษตร 200 ไร่

รพี มามะ
2016.05.09
นราธิวาส
TH-fire-1000 เจ้าหน้าที่ช่วยกันดับไฟป่าที่ลุกลามในบ้านลูโบ๊ะซามา ม.8 ต.ปาเสมัส สุไหงโกลก เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2559
รพี มามะ/เบนาร์นิวส์

ไฟป่าที่เริ่มไหม้ในพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน ในอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส มาตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ยังคงคุกรุ่นในบางพื้นที่ของสามอำเภอในนราธิวาส ทำความเสียหายให้พื้นที่เพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรแล้วราว 200 ไร่ โดยที่ทางการยังไม่แน่ใจว่าสามารถจะดับได้สนิทเมื่อใด เพราะมีการเกิดไฟปะทุจากใต้ดินร่วมด้วย

ส่วนสาเหตุนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสกล่าวว่า น่าจะเกิดมาจากชาวบ้านเผาที่ เพื่อให้กลายเป็นพื้นที่เสื่อมโทรม จะทำให้รัฐนำมาจัดสรรเป็นพื้นที่เพื่อการเกษตร

“สาเหตุอาจจะมาจากสองสามสาเหตุ สาเหตุหนึ่งอาจจะเกิดจากการเผาป่า ต้องการให้รัฐประกาศเป็นป่าเสื่อมโทรม เพื่อเอาที่ทำไร่” นายสิทธิชัย ศักดา กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวในวันอาทิตย์นี้

ไฟไหม้ที่ลุกลามไปจนเกือบสามพันไร่ในขณะนี้นั้น เกิดขึ้นในพื้นที่ทำกินของชาวบ้านปอเนาะ ม.7 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี นราธิวาส แล้วได้ลุกลามเข้าพื้นที่ป่าลุ่มน้ำบางนราแปลงที่ 2 ไปจนถึงอำเภอสุไหงโกลก และอำเภอยี่งอ รวมเวลาได้เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว

โดยในวันอาทิตย์นี้ พล.ต.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ผบ.ฉก.นราธิวาส นายมาเณศ บุณยานันท์ ผอ.ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิริธร นายณรงค์พล หมึกทอง ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 สาขาปัตตานี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมปรึกษาหารือวางมาตรการในการดับไฟไหม้ป่า ที่หลงเหลืออยู่ 3 จุด คือ ในพื้นที่บ้านละหาน ม.4 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี บ้านบาโงซรายอ ม.1 และบ้านลูโบ๊ะซามา ม.8 ต.ปาเสมัส สุไหงโกลก

ซึ่งในที่ประชุมสรุปภาพรวมปัจจัยหลักที่เป็นอุปสรรคในการดับไฟไหม้ป่าในครั้งนี้ คือ 1. กระแสลมที่พัดแรงและเปลี่ยนทิศทาง 2. หัวไฟที่คุกรุ่นอยู่ชั้นใต้ดินที่ไม่สามารถสกัดกั้นให้ดับได้ในทันทีทันใด และจากการประเมินและวิเคราะห์หัวไฟ ที่เราไม่สามารถมองเห็น พบว่า ในแต่ละคืนที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ ไฟชั้นใต้ดินได้ลุกลาม 1 คืน โดยเฉลี่ยประมาณ 60 ถึง 70 เมตร

ได้มีการขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์จากศูนย์การบินทหารบกอีก จำนวน 1 ลำ มาร่วมสนับสนุนในการตักน้ำดับไฟไหม้ป่ากับเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องใช้เวลาการทำงานอีกสักระยะ

ไฟไหม้ป่าพรุที่อำเภอยี่งอ เสียหายกว่า 200 ไร่ เจ้าหน้าที่เร่งสกัดไฟเพื่อไม่ให้ลามเป็นวงกว้าง

ในวันจันทร์ (9.พ.ค.59) นี้ นาย วรเชษฐ พรมโอภาษ ปลัดจังหวัดนราธิวาส ได้นำกำลังระดมเจ้าหน้าดับเพลิงจากบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส อำเภอยี่งอ อบต.ลูโบะบือซา และ  อบต.ตะปอเยาะ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส ร่วมทั้งเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักดินแดนและชาวบ้านอำเภอยี่งอ กว่า 20 คน ช่วยกันต่อสายยางที่รถดับเพลิงเพื่อฉีกน้ำที่ไฟไหม้ป่าพรุในพื้นที่อำเภอยี่งอ จำนวน 2 ตำบล คือ ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่งอ และ ต.ลูโบะบือซา อ.บาเจาะ 2 หมู่บ้าน คือ บ้านกาแร และบ้านตะโละมียอ อำเภอยี่งอ ซึ่งไฟไหม้เสียหายไปแล้ว จำนวน 200 ไร่ โดยส่วนมากเป็นสวนปาล์ม ของชาวบ้าน และป่าเสม็ด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ประเมินมูลค่าความเสียหาย

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง