กอ.รมน. ภาคสี่ สั่งทยอยเปลี่ยนถังแก๊สหุงต้มเป็นวัสดุคอมโพสิต ภายใน 30 กันยายน ปีหน้า

โดย ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2015.08.03
TH-gastank-620 ผู้ค้าแก๊สหุงต้มเตรียมเปลี่ยนถังเหล็ก เป็นถังแก๊สที่ทำด้วยวัสดุคอมโพซิต เพื่อลดความรุนแรงของสะเก็ด หากถูกนำไปดัดแปลงเป็นระเบิด 3 สิงหาคม 2558
เบนาร์นิวส์

ในวันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2558 นี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ชี้แจงต่อสาธารณชนว่า ทาง กอ.รมน.4 ได้สั่งการให้เปลี่ยนถังแก๊สหุงต้มจากถังเหล็ก ขนาด 15 กิโลกรัม เปลี่ยนถังคอมโพสิต พลัส ขนาด 11 กิโลกรัม โดยบริษัทผู้ค้าแก๊สหุงต้ม จะต้องทยอยเปลี่ยนชนิดของถังแก๊ส ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

พ.อ. ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน. 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า  “แนวคิดในการใช้ถังแก๊สคอมโพสิต พลัส แทนถังเหล็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้พี่น้องประชาชนมีความปลอดภัยจากการก่อเหตุรุนแรงด้วยการลอบวางระเบิดที่บรรจุในถังแก๊ส ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก”

ทั้งนี้ ถังแก๊สเหล็กแบบเดิมถูกผู้ก่อเหตุรุนแรงนำใช้ในการประกอบระเบิด และโครงสร้างเหล็กกลายเป็นสะเก็ดที่สร้างบาดแผลได้อย่างรุนแรง ส่วนวัสดุคอมโพสิตมีความรุนแรงลดลง

สำหรับการดำเนินการดังกล่าว จะกระทำในพื้นที่ที่มีปัญหาการวางระเบิดในสามจังหวัดชายแดนใต้ ที่ประกอบด้วย จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสี่อำเภอของจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอจะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้รับผิดชอบกำหนดแนวทางในการดำเนินการให้เหมาะสม และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค

“กอ.รมน.4  ได้จัดประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเข้าใจและเร่งรัดดำเนินการให้บริษัทผู้ประกอบการนำถังแก๊สคอมโพสิตมาใช้แทนถังเหล็ก ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2558 ถึง 30 ก.ย. 2559  โดยการทยอยเปลี่ยนทดแทน ซึ่งบริษัท ปตท. พร้อมดำเนินการได้แล้ว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” พ.อ. ปราโมทย์ กล่าว

“บริษัทอื่นๆ หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้ทำบันทึกข้อตกลงมอบหมายให้ผู้ประกอบการรายอื่นดำเนินการแทน และให้ทยอยเรียกคืนถังเหล็กจากผู้บริโภค ด้วยการชดเชยคืนค่ามัดจำถัง และนำไปใช้นอกพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย. 2559” พ.อ. ปราโมทย์ กล่าว เพิ่มเติม

นอกจากนั้น จะมีการควบคุมการเคลื่อนย้ายถังแก๊สเหล็กเข้าและออกนอกจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา รวมทั้ง  ให้มีการควบคุมสถานีบริการบรรจุแก๊สและสถานีบริการแก๊สรถยนต์ โดยเจ้าหน้าที่ความมั่นคง เพื่อไม่ให้มีการลักลอบบรรจุแก๊สข้ามยี่ห้อ และไม่ให้มีการบรรจุแก๊สลงถังแก๊สหุงต้ม ในสถานีบริการแก๊สรถยนต์ ตั้งแต่ 1 ส.ค. 2558

เจ้าหน้าที่สังหารผู้ก่อเหตุรุนแรงหนึ่งราย ช่วงสุดสัปดาห์

ในช่วงก่อนรุ่งสางของวันเสาร์ที่ 2 ส.ค. 2558 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ได้วิสามัญฆาตกรรมผู้ก่อเหตุรุนแรงได้หนึ่งราย ที่บ้านตันหยง ม. 5 ต. บาตง อ. รือเสาะ จังหวัดนราธิวาส

โดย พ.ท. ทรงเดช สุกนุ้ย ผบ.ฉก. นราธิวาส 30 อ. รือเสาะ จ. นราธิวาส ได้ระดมกำลังจำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ เข้าสนับสนุนเจ้าหน้าที่ชุดการข่าวพิเศษและเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมจังหวัดปัตตานี ที่ใช้กฎอัยการศึกปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย บ้านเลขที่ 50 บ้านปาแดแตแร ซึ่งเป็นบ้านย่อยของบ้านตันหยง หลังจากสืบทราบว่ามีกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค (RKK) ได้กลับมาหาภรรยาที่บ้านพ่อตา

ทราบชื่อผู้ตายคือ นายมะซูการือนอ ยะกูมอ ได้พยายามต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ โดยใช้อาวุธปืนพกยิงโต้ตอบ และขว้างระเบิดมือใส่เจ้าหน้าที่ความมั่นคง แต่ระเบิดไม่ทำงาน จึงถูกยิงโต้ตอบเสียชีวิต ส่วนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คือ ส.ท. พิสิฐศักดิ์ ราชจินดา 26 ปี สังกัดชุดปฏิบัติการพิเศษร่วม จ.ปัตตานี ถูกกระสุนปืนของคนร้ายได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลรือเสาะ มีอาการปลอดภัยแล้ว

นายมะซูการือนอ เป็นผู้ต้องหาในหลายคดี คดีที่สำคัญคือการลอบวางระเบิดสังหาร พ.ต.ท. จักรกฤษณ์ วงศ์พรหมเมศร์ อดีต รอง ผกก.ป.สภ. รือเสาะ ส.ต.อ. ปิยะ ภู่พันเว่อร์ และ ส.ต.ท. สุเวส จันทรังษี เสียชีวิต 3 นาย เหตุเกิดที่บริเวณหัวสะพานบ้านปราลี ม. 10 ต. รือเสาะ อ. รือเสาะ จ. นราธิวาส เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2556 ที่ผ่านมา

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง