นายกรัฐมนตรีไม่เห็นประโยชน์ที่จะทวงคืนหมุดคณะราษฎร
2017.04.18
กรุงเทพฯ

ในวันอังคาร (18 เมษายน 2560) นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีขอร้องให้ประชาชนหยุดให้ความสำคัญกับประเด็นการหายไปของหมุดคณะราษฎร โดยระบุว่า ไม่เห็นประโยชน์ในการเรียกร้องทวงคืนหมุดดังกล่าว ในวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าควบคุมตัวนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขณะพยายามที่จะยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลตามหาหมุดคณะราษฎรกลับมา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวแก่สื่อมวลชนหลักจากกระประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงประเด็นการหายไปของหมุดคณะราษฎรว่า ไม่อยากให้สังคมให้ความสนใจกับประเด็นนี้มากไปกว่าการเดินหน้าประเทศในปัจจุบัน
“เรื่องดังกล่าว ผมไม่อยากให้เป็นประเด็น... เราเองเป็นประชาธิปไตยมากกว่า 80 ปีแล้ว ผมเองก็ยืนยันว่าผมก็เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น ก็อยู่ที่ใจของพวกเราทุกคนว่าจะเดินหน้าประเทศอย่างไรมากกว่า เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องของกระบวนการสืบสวนสอบสวนว่ากันไป อันนี้ถือว่าขอร้องแล้วกันว่า เรากำลังเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย ทุกคนต้องการประชาธิปไตย ต้องการเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งที่จะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล” พลเอกประยุทธ์กล่าว
“มาทวงคืนอะไรต่างๆ ก็ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ผมก็อยากจะเตือนว่า ไม่ว่าทำอะไรก็ตามในช่วงนี้ ผมก็ไม่อยากให้บ้านเมืองมันไปไม่ได้ในทุกๆ เรื่อง” นายกรัฐมนตรีระบุ
นายกรัฐมนตรีเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรื่องการหายไปของหมุดคณะราษฎรแล้ว ขอให้กระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่
ขณะเดียวกัน ในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจได้เข้าควบคุมตัว นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขณะที่กำลังเดินทางไปยังศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียนฯ ในทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการค้นหาหมุดคณะราษฎรที่หายไป
ปัจจุบัน ยังไม่ทราบว่านายศรีสุวรรณ ซึ่งเคยยื่นคำร้องให้ผู้ตรวจการณ์แผ่นดินสอบจริยธรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ ในปี 2558 ถูกนำตัวไปควบคุมที่ใด โดยเบนาร์นิวส์พยายามติดต่อขอข้อมูลไปยังโฆษกรัฐบาล และทีมโฆษกคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) แล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ต่อกรณีการคุมตัวนายศรีสุวรรณ นางอังคณา นีละไพจิตร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยแก่เบนาร์นิวส์ว่า ประชาชนมีสิทธิสอบถามรัฐบาลในเรื่องสาธารณะ ดังนั้นการควบคุมตัวนายศรีสุวรรณ เจ้าหน้าที่รัฐจำเป็นต้องแจ้งเหตุผลและสถานที่การควบคุมตัวต่อสาธารณชน
“การสอบถามหรือขอรับทราบข้อมูลจากรัฐในเรื่องสาธารณะนั้น ถือเป็นสิทธิที่ประชาชนสามารถกระทำได้อยู่แล้ว เพราะไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องและกระทบความมั่นคงของประเทศ และขอสอบถามว่าเพราะเหตุใดถึงได้ควบคุมตัวนายศรีสุวรรณ สาเหตุคืออะไร มีการตั้งข้อหาหรือไม่” นางอังคณากล่าว
“เจ้าหน้าที่ควรแจ้งสาเหตุของการควบคุมและควรบอกสถานที่ควบคุมด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าถูกควบคุมตัวที่ไหน คือ ในการจับกุมตัวบุคคลเจ้าหน้าที่ต้องแจ้งข้อกล่าวหา และประชาชนมีสิทธิในการร้องเรียนเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อบุคคลหรือสาธารณะ” นางอังคณา เพิ่มเติม
ด้าน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (Thai Lawyers for Human Rights) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ปล่อยตัว นายศรีสุวรรณ จากการควบคุมตัวโดยมิชอบทันที โดยเห็นว่า เป็นการควบคุมตัวไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันขัดต่อพันธกรณีในข้อ 9 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง(ICCPR) ซึ่งรับรองว่า “บุคคลทุกคนมีสิทธิในเสรีภาพและความปลอดภัยของร่างกาย บุคคลจะถูกจับกุมหรือควบคุมโดยอำเภอใจมิได้” ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตามกติกาดังกล่าว
ตามข้อมูลของโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) นับตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 จนถึง 31 มีนาคม 2560 มีคนถูกเรียกไปรายงานตัวหรือเยี่ยมบ้าน อย่างน้อย 1,319 คน มีคนถูกจับกุมอย่างน้อย 588 คน มีคนถูกตั้งข้อหามาตรา 112 อย่างน้อย 91 คน มีคนถูกตั้งข้อหามาตรา 116 หรือการยุยงปลุกปั่น อย่างน้อย 59 คน และพลเรือนต้องขึ้นศาลทหาร อย่างน้อย 300 คน
ในวันจันทร์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนถึงกรณีที่มีทายาทคณะราษฎรแจ้งความกับเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิต เรื่องการสูญหายหมุดคณะราษฎร เมื่อวันอาทิตย์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการให้ได้ก็ต่อเมื่อผู้ร้องทุกข์เป็นเจ้าของทรัพย์เท่านั้น และยังเตือนว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นเขตพระราชฐาน ไม่บังควรที่ใครจะเข้าไปอ้างสิทธิในทรัพย์สินใดๆ
หมุดคณะราษฎรทำจากทองเหลืองเป็นสัญลักษณ์ของเหตุการณ์การอภิวัฒน์สยาม 2475 จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยหมุดได้ถูกฝังลงที่ลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) เมื่อปี 2479 เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่พระยาพหลพลพยุหเสนา หนึ่งในแกนนำคณะราษฎรได้อ่านประกาศคณะฯ ฉบับที่ 1 ในเวลาเช้ามืดของวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ณ จุดนั้น โดยหมุดดังกล่าวระบุข้อความว่า “ณ ที่นี้ 24 มิถุนายน 2475 เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ เพื่อความเจริญของชาติ”
ในวันที่ 14 เมษายน 2560 มีผู้พบว่า หมุดคณะราษฎรถูกถอนออกจากที่ปักเดิมแล้ว แต่เชื่อว่ามีการถอนหมุดออกไปในก่อนหน้านั้น และมีการปักหมุด “ประชาชนสุขสันต์หน้าใส” แทนที่ ซึ่งหมุดใหม่ระบุข้อความว่า “ขอประเทศสยามจงเจริญยั่งยืนตลอดไป ประชาชนสุขสันต์หน้าใส เพื่อเป็นพลังของแผ่นดิน” และ “ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง” จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีผู้ใดแสดงตัวว่าเป็นผู้กระทำการรื้อถอนและปักหมุดใหม่
ในวันอังคารนี้ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นได้รายงานว่า กลุ่มเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) และเฟซบุ๊คแฟนเพจหมุดคณะราษฎร ได้นัดหมายกันที่หน้าสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ในเวลา 09.00 น. ของวันพุธ เพื่อรวมตัวเข้าไปแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนการหายไปของหมุดดังกล่าว