ตร.ปอท. สอบ “ธนาธร” ฐานะพยาน คดีเพจธนาธรผิดพรบ.คอมฯ

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช และ นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2018.07.31
กรุงเทพฯ
180731-TH-politician-1000.jpg นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (เสื้อขาว) ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พบปะชาวสวนทุเรียน เพื่อรับฟังปัญหาเกี่ยวกับที่ดินทำกิน อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ วันที่ 23 มิถุนายน 2561
ภาพโดย ทีมงานพรรคอนาคตใหม่

ในวันอังคารนี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยทีมทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) หลังจากที่ฝ่ายกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แจ้งความให้เอาผิดเจ้าของเฟสบุ๊กพรรคอนาคตใหม่-the future we want และเฟสบุ๊กเพจ Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตามพรบ.คอมพิวเตอร์ มาตรา14(2) ในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกยุยงและเป็นภัยต่อความมั่นคง

สำหรับคดีนี้ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการ ประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้กล่าวพาดพิงถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระหว่าง Live ผ่านทางเฟสบุ๊ก ซึ่งมีการกล่าวหา คสช. รวมถึงมีการบิดเบือนข้อมูลโจมตีกระบวนการยุติธรรมด้วย จึงขอให้พนักงานสอบสวน บก.ปอท. รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับนายธนาธรและพวกต่อไป

นายธนาธร พร้อมด้วยทีมทนายความ จึงเดินทางเข้ามาที่ บก.ปอท. เพื่อให้การในฐานะพยาน และได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนเองพร้อมด้วยนายไกลก้อง ไวทยาการ และนางจารุวรรณ ศรัณย์เกตุ กรรมการบริหารพรรค ได้มีการเล่าประสบการณ์จากการลงพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ ผ่านการ Live สดทางเฟสบุ๊กเพจพรรคอนาคตใหม่ - the future we want และเฟสบุ๊กเพจ Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อปลายเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับ ปัญหาเรื่องสินค้าการเกษตร รวมถึงกระบวนการดูดอดีตสมาชิกสภาผุ้แทนราษฎร ซึ่งยืนยันว่าสิ่งที่ตนเองและกรรมการบริหารพรรคทั้งสองได้กล่าวออกไป เป็นข้อมูลที่เป็นจริงและรับรู้กันอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว

ทั้งนี้ นายธนาธร ยังระบุด้วยว่า ตนรู้อยู่นานแล้วว่าไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดเหตุการณ์เช่นในวันนี้ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้ แต่ก็ได้แสดงให้เห็นว่า คสช. ได้ตระหนักถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของพรรคอนาคตใหม่

“เราไม่ใช่ภัยต่อความมั่นคงของประเทศ แต่เราเป็นภัยต่อความมั่นคงของคนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย” นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว “มันเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของพรรคอนาคตใหม่ด้วยซ้ำไปว่าพรรคฯ ของเรามีศักยภาพและได้รับการยอมรับจาก คสช.”

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้กำกับกองกำกับการ 3 บก.ปอท. ให้สัมภาษณ์กับเบนาร์นิวส์ ระบุว่า คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนยังไม่ทราบแน่ชัดว่าบุคคลใดเป็นผู้นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบฯ ตามความผิดพรบ.คอมพิวเตอร์มาตรา14(2) ในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบฯ ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกยุยงและเป็นภัยต่อความมั่นคง ทั้งสองเพจ เนื่องจากเพจทั้งสองมีลักษณะเป็น Fan Page จึงได้เรียกนายธนาธร มาสอบถามในฐานะพยาน

“ทั้งหมดอยู่ที่การสืบสวนว่าจะสามารถยืนยันได้ไหมว่า ใครเป็นคนนำเข้าข้อมูลฯ เพราะเนื้อหาเป็นสิ่งที่คุณธนาธรพูด แต่คุณธนาธร อาจไม่ได้เป็นคนนำเข้าเอง และอาจเป็นบุคคลอื่นก็ได้ จึงเป็นการสืบสวนทางเทคนิคว่าใครเป็นคนนำเข้า” พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ระบุ

น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้กล่าวเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวเบนาร์นิวส์ว่า วันนี้ คุณธนาธรได้ให้การกับพนักงานสอบสวนว่า ไม่ขอให้การ เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่าใครเป็นเจ้าของเพจ จึงจะยังไม่ให้การสิ่งที่อาจเป็นปฏิปักษ์กับตนเอง

เปิดตัวนักการเมืองฝีปากกล้า

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อายุ 40 ปี อดีตผู้บริหารไทยซัมมิทกรุ๊ป กลุ่มบริษัทชั้นนำของประเทศไทยด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ขอจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ในชื่อกลุ่มอนาคตใหม่ กับคณะกรรมการการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม และเดินหน้าลงพื้นที่ทั่วประเทศไทย ในการพบปะแนะนำตัวกับประชาชน

ต่อมา นายธนาธร ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งว่าที่หัวพน้าพรรคอนาคตใหม่ จากการประชุมใหญ่สมัยสามัญครั้งที่ 1 ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม และประกาศล้มล้างรัฐธรรมนูญและคำสั่งของ คสช. โดยย้ำว่าไม่เอารัฐประหาร และทำให้รัฐประหารครั้งล่าสุดนี้เป็นครั้งสุดท้ายของสังคมไทย พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนแสดงความกล้าหาญเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่เป็นธรรมร่วมกับตน เพื่ออนาคตใหม่ที่เป็นอำนาจสูงสุดของประชาชน ซึ่งคำปราศรัยดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้คนในรัฐบาลและสมาชิกสภานิติบัญญัติเป็นอย่างมาก พร้อมส่งสัญญาณว่าอาจมีการดำเนินคดีกับนายธนาธร

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จะเปิดโอกาสให้กลุ่มการเมืองเข้าขอจดตั้งพรรคการเมืองได้ แต่ยังคงข้อห้ามในการทำกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุมพรรคเพื่อกำหนดนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง ในขณะที่รัฐบาลจัดให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรทั่วภูมิภาคของประเทศไทย และล่าสุดจัดให้มีการประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดอุบลราชธานี ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมเป็นธรรม

“ประชุม ครม.สัญจร แต่ละครั้งก็แจกของให้ประชาชนเต็มไปหมด ผมคิดว่า คสช. คงพยายามที่จะเริ่มทำกิจกรรมเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง ขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆ หรือผมทำไม่ได้นะครับ ผมไปเดินไปตลาดแจกใบปลิว ไปปราศัย ผมก็ทำไม่ได้นะครับ” นายธนาธร ให้สัมภาษณ์เบนาร์นิวส์

“ผมยืนยันอีกครั้งว่า อำนาจในการกำหนดกติกาการเลือกตั้งทั้งหมดเป็นของ คสช. อำนาจอยู่ในมือพวกท่านแล้ว อยากทำอะไรทำให้เต็มที่ ขอความชัดเจน แล้วเล่นในกฎของพวกท่าน เราพร้อมจะต่อสู้ในสนามที่พวกเราเสียเปรียบทุกประตู” นายธนาธร ระบุ

ทั้งนี้ นายธนาธร ย้ำว่าคนที่มีแนวคิดที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และยึดอำนาจที่เป็นของประชาชนไปจากมือของประชาชน ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย

ด้าน นายฐิติพล ภักดีวานิช คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ให้สัมภาษณ์กับเบนาร์นิวส์ทางโทรศัพท์ กรณีที่ คสช. แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ว่า การกีดกันพรรคอนาคตใหม่ หรือตัวนายธนาธรเอง ไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของ คสช. ต่อสมาคมโลก แต่กลับเพิ่มคะแนนนิยมให้กับตัวนายธนาธรเอง ในฐานะเหยื่อทางการเมือง

“หากเปรียบเทียบกับกัมพูชาที่กีดกันคู่แข่งทางการเมืองแล้ว คสช. ก็ไม่ได้เกรงกลัวที่จะใช้วิธีนี้อยู่แล้ว สะท้อนให้เห็นว่า คสช. ไม่ได้ปฏิรูปการเมืองอะไรเลย กลับดำเนินรูปแบบตามนักการเมืองที่ คสช. เคยกล่าวหาว่าเป็นนักการเมืองน้ำเน่า” นายฐิติพล ระบุ

หลังจากการรัฐประหาร ปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศว่าจะมีการจัดการเลือกตั้งภายใน 15 เดือน ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2558 พล.อ.ประยุทธ์เดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น และกล่าวต่อตัวแทนของรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นว่า ประเทศไทยจะจัดให้มีการเลือกตั้งในต้นปี 2559 และในการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติ เมื่อเดือนกันยายน 2558 พล.อ.ประยุทธ์ ได้ระบุว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งในช่วงกลาง ปี 2560 ซึ่งต่อมาในเดือนมกราคม 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุการเลื่อนการเลือกตั้งอีกครั้ง โดยกล่าวว่า จะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน (2560) พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะจัดให้มีการเลือกตั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561

กระทั่งเมื่อต้นปี 2561 พล.อ.ประยุทธ์ประกาศอีกครั้งว่า จะให้มีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า การเลือกตั้งอาจถูกขยับออกไปอีกครั้ง เป็นช่วงเดือนเมษายน 2562 ซึ่งทุกครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จะย้ำว่าสาเหตุที่จำเป็นต้องเลือกการเลือกตั้งออกไปนั้น เป็นปัญหาเทคนิคทางกฎหมาย

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง