5 ผู้ต้องหาคดีประชามติฯ ราชบุรีปฎิเสธกระบวนการสมานฉันท์

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2016.09.22
กรุงเทพฯ
TH-referendum-800 ขบวนการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การออกเสียงประชามติ รวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า กรุงเทพฯ 4 สิงหาคม 2559
เบนาร์นิวส์

ในวันพฤหัสบดี(22 กันยายน 2559)นี้ ผู้ต้องหาจากคดีความผิดเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งถูกจับในวันที่ 10 กรกฎาคม 2559  ที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมาได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดราชบุรี เพื่อปฎิเสธการเข้ากระบวนการสมานฉันท์ โดยยอมเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีตามปกติ และยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อสำนักงานอัยการให้ทำการถอนฟ้องในคดีดังกล่าว เพื่อแสดงออกว่า การแสดงความคิดเห็น และการเผยแพร่ข้อมูลร่างรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมาย

นายอนันต์ โลเกตุ หนึ่งในผู้ต้องหาของคดีประชามติฯที่จังหวัดราชบุรี เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า การปฎิเสธที่จะรับสารภาพเพื่อเข้ากระบวนการสมานฉันท์เป็นการยืนยันว่า การแสดงออกทางความคิดเกี่ยวกับการประชามติ และร่างรัฐธรรมนูญที่พวกเขาได้กระทำไปนั้นเป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ควรได้รับการลงโทษ

“พวกผมยืนยันว่า สิ่งที่พวกผมทำมันเป็นสิ่งที่กฎหมายมันรับรองอยู่แล้วว่า ประชาชน หรือคนในรัฐสามารถแสดงความคิดเห็น มันเป็นเรื่องที่ไม่ผิดอยู่แล้ว โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญที่จะมีผลบังคับใช้กับตัวเราเอง และพวกเรายังยืนยันว่าเราไม่ได้ทำการแจกเอกสารเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญใดๆ” นายอนันต์กล่าว

“ศาลพูดรายละเอียดให้ฟังว่า ถ้าตัดสินใจรับสารภาพ ศาลจะพิจารณาตามความจำเป็น อย่างเช่น ผมเป็นนักศึกษาศาลจะทำการตัดสินไม่ให้กระทบการเรียน แต่ว่าพวกผมทั้ง 5 คนก็ให้การปฎิเสธ คือยืนยันว่าจะไม่รับสารภาพ ช่วงเช้าก่อนที่จะขึ้นศาลผมก็ไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากอัยการสูงสุดโดยส่งผ่านอัยการราชบุรี” นายอนันต์เพิ่มเติม

สำหรับคดีประชามติฯ ที่จังหวัดราชบุรีนี้ เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม 2559 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวนายอนันต์ โลเกตุ นายปกรณ์ อารีกุล นายอนุชา รุ่งมรกต (ทั้งสามคนเป็นสมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่) และนายภานุวัฒน์ ทรงสวัสดิ์ชัย นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยตั้งข้อกล่าวหาว่านักศึกษาทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแจกเอกสารที่มีเนื้อหาคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ 2559 และแจกจ่ายสติกเกอร์โหวตโน (Vote No) ขณะลงพื้นที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านจำนวน 18 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียก หลังจากที่มีความพยายามจัดตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ โดยนอกจากทำการจับกุมนักเคลื่อนไหวทั้ง 4 คนแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้สื่อข่าวจากเว็บไซต์ประชาไท นายทวีศักดิ์ เกิดโภคา ซึ่งอาศัยรถยนต์เพื่อไปทำข่าวด้วย โดยตำรวจเชื่อว่า นายทวีศักดิ์มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของนักเคลื่อนไหวกลุ่มดังกล่าวด้วย โดยหลังจากนั้นหนึ่งวัน ศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดด้วยวงเงิน 140,000 บาท

ด้านนางสาวคุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นทนายความฝ่ายนักเคลื่อนไหวเปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า การที่ผู้ต้องหาทั้งหมดปฎิเสธที่จะรับสารภาพ ทำให้คดีเข้าสู่กระบวนการตามปกติ ซึ่งศาลได้นัดสืบพยานหลักฐานสำหรับการพิจารณาคดีแล้วในวันที่ 17 ตุลาคม 2559

“คดีในวันนั้น ทุกคนไปยื่นขอความเป็นธรรมให้ถอนฟ้อง พอเข้าสู่สมานฉันท์ ทั้ง 5 คนก็ปฎิเสธการรับสารภาพ ศาลก็เลยกำหนดวันนัดตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 17 ตุลาคม คดีนี้เป็นศาลพลเรือน โดยทั้ง 5 คน มีความผิดตาม พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติฯ มาตรา 61 และ การไม่พิมพ์ลายนิ้วมือรับทราบคำสั่งของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นกฎหมายเก่าของ คมช.(คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ-คณะรัฐประหาร 2549)” น.ส.คุ้มเกล้ากล่าว

“คดีอาญาจะมีความแตกต่างจากคดีแพ่ง ซึ่งคดีแพ่งจะมีการนัดเจรจาไกล่เกลี่ย ประนีประนอมยอมความ แต่ในส่วนของคดีอาญาจะใช้คำว่าคดีสมานฉันท์ ซึ่งการนัดสมานฉันท์จะมีประโยชน์กับจำเลย เช่น การยอมรับสารภาพแล้วชำระหนี้บางส่วน แล้วคดีก็จะจบไปได้ หรือศาลอาจจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่ถ้าไม่รับสารภาพก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามปกติ” ทนายคุ้มเกล้าอธิบายเกี่ยวกับกระบวนการสมานฉันท์

สำหรับประเด็นความผิดตามพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 (พ.ร.บ.ประชามติฯ) ที่จังหวัดราชบุรีนี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้งเคยชี้แจงผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2559 ว่า การแจกจ่ายสติกเกอร์ไม่น่าจะถือเป็นความผิด

“การแจกสติกเกอร์อย่างเดียวไม่น่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติฯ ม.61 วรรคสองได้ นอกจากนี้สติกเกอร์ Vote No หรือเอกสารความเห็นแย้ง หรือเอกสารแถลงการณ์คณะนิติราษฎรเป็นเอกสารที่เผยแพร่ได้ครับ ถ้าเป็นเรื่องแจกสติกเกอร์อย่างเดียวแล้วถูกดำเนินคดี ผมยินดีไปให้การว่าไม่ผิดครับ” นายสมชัยระบุ

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง