สมเด็จพระเทพฯ ทรงร่วมการประชุมจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9
2017.03.02
กรุงเทพฯ

ในวันพุธ (1 มีนาคม 2560) นี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงร่วมการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครั้งที่ 1/2560 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยทรงประชุมร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดให้มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ 5 วัน แต่ยังไม่ได้ระบุวันเริ่มพิธี
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานและขอพระราชทานพระราชานุญาตดำเนินการตามระเบียบวาระประชุม โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอพระราชทานพระราชานุญาตกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาทสรุปผลการดำเนินงานดังกล่าว
“ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีพระราชดำริ เรื่องพระราชรถปืนใหญ่ที่ได้ทรงให้จัดสร้างขึ้นแทนของเดิมที่ชำรุด รวมทั้งเรื่องดุริยางค์ที่ได้ทรงมีรับสั่งให้เพิ่มขึ้นอีก 1 วง จากเดิมที่มี 2 วง ตลอดจนตู้ปาฏิโมกข์สำหรับทำเครื่องสังเค็ด และทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้รัฐบาลจัดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เช่น หน่วยแพทย์ อาหาร น้ำดื่ม รถสุขา และถังขยะ ให้มีความพร้อมพอเพียงสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกตลอดเวลา” ข่าวจากสำนักนายกรัฐมนตรีระบุ
เบื้องต้น สำนักนายกรัฐมนตรีได้ร่างหมายกำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ดังนี้
วันที่ 1 พระราชกุศลออกพระเมรุ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
วันที่ 2 พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
วันที่ 3 เก็บพระบรมอัฐิ ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
วันที่ 4 งานพระราชกุศลพระบรมอัฐิ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
วันที่ 5 เลี้ยงพระ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐานพระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
สำหรับ การจัดขบวนพระบรมราชอิสริยยศเพื่ออัญเชิญพระบรมศพ พระโกศพระบรมอัฐิ และ พระบรมราชสรีรางคาร กำหนดไว้ 6 ขบวน โดยจะมีการฝึกซ้อมย่อยและฝึกซ้อมใหญ่ในสถานที่จริงเพื่อให้มีความพร้อมเพรียงและสง่างามสมพระเกียรติยศ การจัดแสดงมหรสพสมโภช ประกอบด้วย การจัดแสดงโขนหน้าไฟหน้าพระเมรุมาศ เรื่อง รามเกียรติ์ ชุดพระรามข้ามสมุทร , ยกรบ, รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ การแสดงมหรสพสมโภชบริเวณท้องสนามหลวงด้านทิศเหนือ ประกอบด้วย การแสดงหนังใหญ่และโขนพระราชทาน ตอน รามาวตาร การแสดงละคร หุ่นหลวงและหุ่นกระบอก และการบรรเลงดนตรีสากล “ธ คือ ดวงใจไทยทั่วหล้า” การจัดนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล รวมไปถึงการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจการทรงงานในแต่ละพื้นที่ของจังหวัด นิทรรศการด้านการพระราชไมตรีที่เกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
ขณะที่ การจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ของภาคประชาชนจะดำเนินการทั้งในกรุงเทพมหานคร จังหวัดและอำเภอทั่วประเทศ ตลอดจนในต่างประเทศด้วย ซึ่งในกรุงเทพมหานครจะจัดตั้งซุ้มถวายดอกไม้จันทน์บริเวณใกล้ท้องสนามหลวง 11 ซุ้ม และตามมุมเมือง 4 ซุ้ม ซุ้มขนาดกลางตามแนวถนนราชดำเนินและถนนอรุณอมรินทร์ 19 ซุ้ม และซุ้มขนาดเล็กตามวัดต่าง ๆ 67 ซุ้ม ส่วนภูมิภาคมีซุ้มขนาดใหญ่ 76 ซุ้ม (อำเภอร่วมกับจังหวัด) และซุ้มขนาดกลางทุกอำเภอ/วัดต่าง ๆ 802 ซุ้ม ส่วนในต่างประเทศจะมีซุ้มขนาดกลาง ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุล 96 ซุ้ม และซุ้มขนาดเล็กตามวัดไทย 539 ซุ้ม รวมทั้งยังได้เชิญชวนจิตอาสาร่วมกันทำดอกไม้จันทน์เพื่อใช้สำหรับประชาชนที่ไปร่วมงานสามารถนำดอกไม้จันทน์ไปถวายได้
นอกจากพระราชพิธีแล้ว จะมีการจัดนิทรรศการภายหลังงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม เครื่องประกอบพระเมรุมาศด้านช่างสิบหมู่ และความงดงามของสิ่งปลูกสร้างและส่วนประกอบทั้งหลายที่ใช้ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นระยะเวลา 30 วัน และจัดทำหนังสือที่ระลึกและจดหมายเหตุ ให้มีการจัดทำหนังสือจดหมายเหตุฉบับหลักและฉบับรอง และหนังสือที่ระลึกอื่น ๆ ตามความเหมาะสม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งครองราชย์นานกว่า 70 ปี และทรงเป็นที่ยึดเหนี่ยวของพสกนิกรชาวไทยท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองและเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองหลายครั้ง เสด็จสวรรคตในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ด้วยพระชนมายุ 89 พรรษา ตามการประกาศของสำนักพระราชวัง หลังจากที่คณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราชถวายการรักษามาตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2557