ศาลปกครองสั่งกรมอุทยานฯ จ่ายค่าชดเชยเผาบ้านชาวกระเหรี่ยง
2018.06.12
กรุงเทพฯ

ในวันอังคารนี้ ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายให้กับปู่โคอิ หรือ คออี้ มีมิ ชาวกระเหรี่ยงเผ่าปกาเกอะญอ และพวกรวม 6 ราย จากการที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เผาที่พักอาศัยและยุ้งฉาง เพื่อขับไล่ให้ออกไปจากพื้นที่พิพาทในบ้านโป่งลึก-บางกลอย เมื่อปี 2553-54
ศาลปกครองสูงสุด พิจารณาเห็นว่า การที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าเขตอุทยานฯ (ในขณะนั้น) นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอน เผาทำลายสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินของชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณลำห้วยเหนือแม่น้ำบ้านบางกลอยบน มาแต่ครั้งบรรพบุรุษเป็นเวลาร่วมกว่าร้อยปีนั้น เป็นการกระทำเกินขอบเขต
“...จึงเป็นการกระทำโดยรู้สำนึกถึงผลเสียหายที่จะเกิดจากการกระทำดังกล่าว และเป็นการใช้อำนาจเกินความจำเป็น ไม่สมควรแก่เหตุ รวมถึงไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนหรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ สำหรับการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 22 ของ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ตลอดจนไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 เรื่องแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง” ตอนหนึ่งของ คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ระบุ
ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้แก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้กรมอุทยานฯ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ชาวบ้านผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 ราย ประกอบด้วย ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 (ปู่คออี้) เป็นเงิน 51,407 บาท ผู้ฟ้องคดีที่ 2 เป็นเงิน 51,032 บาท ผู้ฟ้องคดีที่ 3 เป็นเงิน 51,407 บาท ผู้ฟ้องคดีที่ 4 เป็นเงิน 45,302 บาท ผู้ฟ้องคดีที่ 5 เป็นเงิน 50,807 บาท และผู้ฟ้องคดีที่ 6 เป็นเงิน 51,032 บาท ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา
อย่างไรก็ตาม ศาลฯ ระบุว่า ไม่สามารถออกคำสั่งบังคับกรมอุทยานฯ เพื่อให้ชาวกระเหรี่ยงผู้ฟ้องคดี กลับไปอาศัยและทำกินในพื้นที่เดิมได้ตามที่ร้องขอได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่พิพาท และผู้ร้องคดีไม่มีหนังสือแสดงเอกสารครอบครองที่ดิน
นางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาบิลลี่ หรือนายพอละจี รักจงเจริญ หลานของปู่คออี้และนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ที่หายตัวไปในระหว่างการต่อสู้คดี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังฟังคำพิพากษาว่า ปู่คออี้ ไม่ได้ต้องการเงินทอง หากแต่ต้องการกลับไปตายยังที่ตั้งถิ่นฐานเดิม
“วันนี้ มาเป็นตัวแทนของปู่ เพราะปู่อายุมากแล้วและป่วยเป็นไข้หวัด ไม่สามารถมาด้วยตัวเอง แต่ต้องไปเล่าตามที่ฟังมา... ที่ปู่ฝากมาคือ ไม่ต้องการเงินทองอะไร คือเงินได้มาแล้วก็เอามาเลี้ยงทั้งชีวิตไม่ได้หรอกค่ะ คือปู่อยากกลับไปบ้านเกิดของเขา ตายที่แผ่นดินเขา” นางสาวพิณนภา กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ด้านนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าเขตอุทยานแห่งชาติแห่งกระจาน กล่าวแสดงการยอมรับคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด พร้อมระบุว่าเป็นบทเรียนสำคัญของเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่คุ้มครองป่าอนุรักษ์ ว่าจะต้องทำตามขั้นตอนตั้งแต่ปิดประกาศ ส่วนการที่จะร้องขอด้วยวาจาคงทำไม่ได้อีกต่อไป
“ที่เราภูมิใจที่สุด คือ แม้ศาลจะบอกว่าสิ่งที่เราทำอาจจะเป็นการทำละเมิด แต่ศาลยังบอกด้วยว่าบุคคลดังกล่าวไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่เดิมได้อีก... เราดีใจที่ศาลเห็นพ้องต้องกันว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เป็นป่าต้นน้ำ เป็นเขตสงวนหวงห้าม ห้ามบุคคลใดเข้าไปได้อีก โดยเฉพาะ 6 รายนี้” นายชัยวัฒน์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ขณะที่นายสุรพงษ์ กองจันทึก ทนายความของชาวบ้านแก่งกระจาน กล่าวกับสื่อมวลชนว่า จะได้นำเรื่องนี้เข้าสู่ในส่วนของคดีอาญาเรื่องการเผาทำลายทรัพย์สินต่อไป ในขณะที่จะได้เร่งผลักดันให้มีการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 ในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกระเหรี่ยง ที่ให้ยุติการจับกุม และให้ตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ ส่วนชาวกะเหรี่ยงที่ได้รับความเสียหายจากการถูกเผาบ้านเรือนอีกร้อยกว่ารายนั้น สามารถที่จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากศาลทางปกครองได้เช่นกัน
สำหรับคดีนี้ เกิดขึ้นระหว่างปี 2553–2554 ขณะที่รัฐบาลมีนโยบายในการจัดการพื้นที่ต้นน้ำของเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพชรบุรี ซึ่งเป็นรอยต่อชายแดนประเทศไทยและเมียนมา ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีการบุกรุก เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการขับไล่
ในปี 2553 นายชัยวัฒน์ ได้นำเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ไล่รื้อ เผาบ้านและยุ้งฉางข้าวของชาวกะเหรี่ยงโป่งลึก-บางกลอย รวม 6 ครั้ง ระหว่างเดือนเมษายน 2553-กรกฎาคม 2554 ทำให้ชาวกะเหรี่ยงดั้งเดิม 17 ครอบครัว ไร้ถิ่นที่อยู่อาศัยและไร้ที่ดินทำกิน และถูกบังคับให้อพยพออกจากพื้นที่
ปู่คออี้ มีมิ ซึ่งปัจจุบันอายุ 107 ปี และพวกรวม 6 คน ได้ฟ้องคดีต่อฟ้องศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2555
ในระหว่างการต่อสู้คดี นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย หนึ่งในพยานของคดีการเผาบ้านกะเหรี่ยงได้หายตัวไป เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557 จนถึงปัจจุบัน โดยนางพิณนภา กล่าวหาว่า นายชัยวัฒน์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ เป็นผู้ควบคุมตัวบิลลี่ไป