รมว.ต่างประเทศสหรัฐรุกเร้าไทยเพิ่มมาตรการกดดันเกาหลีเหนือ
2017.08.08
กรุงเทพฯ

นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เยือนประเทศไทยวันอังคาร (8 สิงหาคม) นี้ ใช้โอกาสนี้ย้ำถึงความร่วมมือในระดับภูมิภาคเรื่องสถานการณ์ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี จากการที่เกาหลีเหนือมีการทดลองยิงขีปนาวุธหลายครั้ง โดยขอให้ไทยเพิ่มมาตรการกดดันทางการค้าและธุรกิจการลงทุนกับเกาหลีเหนือ
ซึ่งนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวภายหลังการหารือกับ นายเร็กซ์ ว่า ประเทศไทยในฐานะสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ได้ปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างดีมาโดยตลอด เป็นผลให้การค้าระหว่างประเทศไทยและเกาหลีเหนือลดลงไปประมาณ 94% นับแต่ประเทศไทยปฏิบัติตามมติของสหประชาชาติตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา
การมาเยือนประเทศไทยครั้งนี้ นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน หวังฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ หลังจากที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะทหารเข้ายึดอำนาจการปกครอง ซึ่งนับเป็นรัฐมนตรีว่าการระดับสูงของสหรัฐอเมริกาที่มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในช่วงสามปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายเร็กซ์ ได้กล่าวย้ำถึงความร่วมมือในระดับภูมิภาคเรื่องสถานการณ์ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี และ ทะเลจีนใต้ ในการขอให้ประเทศไทยสนับสนุนการดำเนินการคลี่คลายสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่เกาหลีเหนือได้มีการทดลองยิงขีปนาวุธสองครั้ง เมื่อเดือนที่แล้ว
ด้าน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไทย กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว หลังจากการประชุมหารือกับ นายเร็กซ์ เป็นเวลา 45 นาที
“แม้ว่าการค้าระหว่างประเทศไทยและเกาหลีเหนือจะไม่ได้มากมาย แต่มูลค่าก็ลดลงฮวบฮาบอย่างที่เห็นได้ชัดเจน เปรียบเทียบระหว่างเดือน มกราคม ถึง เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ.2559 กับช่วงเวลาเดียวกันในปีนี้ มีมูลค่าลดลงจาก 16.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงไม่ถึง หนึ่งล้านเหรียญสหรัฐฯ” นายดอน ปรมัตถ์วินัย แถลง “ทั้งที่มูลค่าทางการค้าของเราก่อนที่สหประชาชาติจะมีมติฉบับแรกออกมาจะสูงกว่า 16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ใกล้ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก็ตาม”
เมื่อสิงหาคม 2558 นายรี ซู ยอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ได้มาเยือนไทยและเข้าพบรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เนื่องในวันครบรอบความสัมพันธ์ 40 ปี ระหว่างสองประเทศ นายรี ซู ยอง ได้มีการหารือเรื่องการส่งเสริมทางการค้า ซึ่งเมื่อปี 2557 ไทยและเกาหลีเหนือมีมูลค่าทางการค้ารวม 126.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสินค้าออกของไทยไปเกาหลีเหนือ อาทิเช่น เครื่องใช้ภายในบ้าน คอมพิวเตอร์ ยางพารา เคมีภัณฑ์ และพลาสติก ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจากเกาหลีเหนือ มี เคมีภัณฑ์ เหล็กและเหล็กกล้า และเครื่องจักรไฟฟ้า
เมื่อถามถึงว่า ทางการไทยจะมีการดำเนินมาตรการพิเศษเพิ่มเติมหลังจากนี้หรือไม่ นายดอน กล่าวว่า “ณ ตอนนี้ (ประเทศไทย)ไม่ได้ดำเนินมาตรการอะไรเพิ่มเติมจากที่สหประชาชาติประกาศไว้ และเราคงไม่ทำอะไรให้มันราบคาบแบบนั้น”
ในวันเดียวกัน นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ได้เข้าพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยพลโทวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยข้อหารือหลังการสนทนาว่า นายกรัฐมนตรียืนยันในการให้ความร่วมมือที่จะสนับสนุนการคลี่คลายสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ และ คาบสมุทรเกาหลี เพื่อให้เกิดสันติสุขในภูมิภาครวมทั้งการปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
“นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์และความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกาที่มาอย่างยาวนาน และเห็นว่าสหรัฐฯมีบทบาทอย่างมากในประชาคมโลก ทั้งในเรื่องความมั่นคง การค้ามนุษย์ การก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นต้น โดยประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุน ในฐานะประเทศที่มีส่วนรับผิดชอบต่อความมั่นคงและความผาสุขของประชาคมโลก” พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค กล่าวภายหลังการหารือ
นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงความสัมพันธ์และความร่วมมือในระดับทวิภาคีอีกหลายด้าน อาทิ ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ความร่วมมือต่อต้านการก่อการร้าย การป้องกันภัยจากโลกออนไลน์ (cyber security) การค้ามนุษย์ รวมถึง เรื่องการเมืองภายในประเทศ
ทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศถือเป็นจุดเด่นของความสัมพันธ์ จึงตกลงกันว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนภาคเอกชนที่สนใจลงทุนในประเทศต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ในขณะนี้ประเทศไทยกำลังพัฒนาระเบียบเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ภายใต้นโยบายประเทศไทย 4.0 ซึ่งมีนักลงทุนจากสหรัฐอเมริกาเข้ามาลงทุนบ้างแล้ว และหวังว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเอกชนรายอื่นๆ จากสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น
ด้านความมั่นคง ประเทศไทยและสหรัฐฯ หวังว่าความร่วมมือที่เป็นอยู่จะเพิ่มพูนต่อไป โดยนายกรัฐมนตรีไทยกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อประเด็นต่อต้านการค้ามนุษย์และได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง และมีความคืบหน้าอย่างมากในปัจจุบัน
ด้านการก่อการร้าย สองประเทศได้มีการหารือกันในเรื่องของการป้องกันภัยจากโลกออนไลน์ โดยตกลงกันว่า จะมีการแชร์ข้อมูลระหว่างกัน แม้ว่าในปัจจุบันเราจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอยู่แล้วก็ตาม
ด้านสถานการณ์การเมืองไทย นายกรัฐมนตรีย้ำกับ นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สันว่า รัฐบาลไทยยึดมั่นและดำเนินการตามกรอบและระยะเวลา ที่จะนำประเทศกลับคืนสู่ประชาธิปไตยที่มีคุณภาพและยั่งยืน
ทั้งนี้ ฝ่ายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ได้แสดงความยินดีที่ได้มาเยือนประเทศไทย และได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ที่ผ่านมาตนคุ้นเคยกับประเทศไทยเป็นอย่างดี เพราะได้เดินทางมาประเทศไทยหลายครั้ง ระหว่างดำรงตำแหน่งประธาน Esso Exploration and Production ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเวลา 3 ปี
ส่วนการเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี นายเร็กซ์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสต้อนรับนายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในเร็ววันนี้
ทั้งนี้ นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ใช้เวลาอยู่ในประเทศไทยเพียงห้าชั่วโมง โดยเข้าพบเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทย และนักการทูตประจำสถานทูตสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะเข้าพบกับนายกรัฐมนตรี และได้กล่าวตอนหนึ่งกับ นายเกล็น เดวิส เรื่องความหวังในการที่ประเทศไทยจะกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ และมีการเลือกตั้งรัฐบาลที่มาจากพลเรือนภายในปีหน้า
“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปตามกำหนดในปีหน้า และ ฉันคิดว่ามันมีความสำคัญอย่างมากที่เราจะได้ฉลองความสัมพันธ์ของสองประเทศครบ 200 ปี ในเวลาที่ประเทศไทยได้กลับคืนสู่ประชาธิปไตยที่มีรัฐบาลมาจากพลเรือน” นายเร็กซ์ กล่าวกับ นายเกล็น เดวิส เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และ นักการทูตในสถานทูต