กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพลงพื้นที่ร่วมหาแนวทางคุ้มครองพยานคดีความมั่นคง

ในวันศุกร์(16 ธันวาคม 2559)นี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำคดีความไม่สงบในภาคใต้มีการประชุมร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองพยานในคดีความไม่สงบ เพื่อพัฒนากระบวนการทำคดี และสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยให้กับพยาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพยานที่เป็นสมาชิกขบวนการ ในที่ประชุมเน้นการยกระดับการประสานงานของทุกภาคส่วน

การประชุมร่วมครั้งนี้ นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และนางนงภรณ์ รุ่งเพ็ชร์วงศ์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้เดินทางมาร่วมประชุมกับ พล.ต.ต.พัฒนวุฒิ อังคะนาวิน รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ นายสมชาย คมกริช ผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองพยาน พล.อ.ทิวะพร ชะนะพะเนาว์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่อัยการ ศาล ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ผู้นำศาสนา และภาคประชาสังคม โดยการประชุมจัดขึ้นที่โรงแรมตันหยง อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส โดยเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการคุ้มครองยานในคดีอาญาที่เกี่ยวกับคดีความมั่นคง กรณีที่พยานอยู่ในกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

พล.ต.ต.พัฒนวุฒิ อังคะนาวิน รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ กล่าวในระหว่างการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เสนอความคิดเห็นและร่วมหาแนวทางดำเนินงานที่เหมาสม โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาในการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้พยานมีความมั่นใจและกล้าที่จะเป็นพยานในคดีความไม่สงบ สามารถทำให้คดีความมั่นคงขับเคลื่อนไปด้านหน้าได้ และติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในที่สุด

“หลังจากนี้ขอให้ทุกหน่วยงานเดินหน้าไปพร้อมกัน หมดเวลาในการที่จะทะเลาะกัน หรือแย่งชิงผลงาน ซึ่งทุกคนทุกหน่วยงานต้องบูรณาการร่วมกัน โดยยอมรับว่าที่ผ่านมาหน่วยงานแต่ละหน่วยมีความไม่ลงรอยกัน ขาดความเป็นเอกภาพในการทำงาน จึงทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ขาดความศรัทธาจากประชาชนไป” พล.ต.ต.พัฒนวุฒิกล่าว

ในการประชุมครั้งนี้ มีการเสนอแนวคิดที่ให้จ่ายค่าตอบแทนให้กับพยาน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้พยานยอมให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจจะช่วยนำความสะดวกในการทำคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง

นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า "การประชุมวันนี้ เราได้โมเดลหรือตัวแบบของการคุ้มครองพยาน หลังจากนี้จะนำข้อมูลไปสู่การแก้กฏหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองพยาน ปี 2546 เป็นไปตามนโยบายที่จะทำให้การคุ้มครองพยานมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะคดีความมั่นคง"

นางสาวปิติกาญจน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และทำให้พยานมีความมั่นใจว่ากระบวนการของเจ้าหน้าที่รัฐจะสามารถปกป้องคุ้มครองพวกเขาได้ หากยินยอมเป็นพยาน