ศาลอาญาตัดสินโทษรุนแรง ผู้ต้องหาลอบวางระเบิด จากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้


2015.03.20
TH-sentences-305-Mar2015 นายอาฮามะ หะยีบาซอ ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในเหตุการณ์ลอบวางระเบิด บริเวณถนนสายบ้านคลองช้าง-บ้านเขาวัง ในอำเภอมายอ ปัตตานี ทำให้ทหารเสียชีวิตสองนาย ในเดือนมกราคม ปี 2555
เบนาร์นิวส์

ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 66 ปี 8 เดือน กับ 4 ผู้ต้องหาลอบวางระเบิด แถวถนนรามคำแหง ในกรุงเทพ เมื่อปี 56 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน

เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มี.ค. 2558 นายอัฟฟาฮัม สะอะ ชาวปัตตานี นายอิดริส สะตาปอ ชาวนราธิวาส นายคัมคีร์ ลาเต๊ะ ชาว จังหวัดปัตตานี และ นายอิลรอเฮ็ง แวแม ชาว จังหวัดปัตตานี จำเลยทั้ง 4 ถูกนำตัวมายังศาลอาญา เพื่อฟังคำพิพากษา คดีที่อัยการ ยื่นฟ้อง เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น และเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ผู้อื่นร่วมกันทำและมีวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร

ตามกฎหมายสามารถจำคุกจำเลยได้ไม่เกินคนละ 50 ปี  อ้างอิงข่าวจาก เดอะเนชั่น

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2556 นายอัฟฟาฮัม กับพวกร่วมกันวางระเบิด บริเวณจุดทิ้งขยะหน้าร้านทำผม "ออกัส" ใกล้ปากซอยรามคำแหง 43/1 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน ร้านค้าแผงลอย อาคารบริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหาย มูลค่าประมาณ 402,000 บาท  ข่าวจากโพสต์ทูเดย์

โพสต์กล่าวอีกว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ปรากฏให้เห็นจำเลยทั้งสี่คนในที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุระเบิดไม่นาน

จำเลยทั้ง 4 คน ให้การรับสารภาพจากการสอบสวนของตำรวจ แต่ปฏิเสธข้อหาดังกล่าวในศาล

ตามศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยทั้ง 4 กระทำผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับคนละ 90 บาท แต่จำเลยทั้ง 4 คน ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และจำคุก อีก 33 ปี 4 เดือน ฐานร่วมกันทำและมีวัตถุระเบิดฯ และปรับคนละ 60 บาท ฐานพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะฯ รวมโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่ คนละ 66 ปี 8 เดือน ปรับคนละ 60 บาท เนื้อหาจากโพสต์ทูเดย์

เหตุวางระเบิดบนถนน

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย หลังจากที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม2558 นี้ ศาลอาญาจังหวัดปัตตานี ได้ตัดสินประหารชีวิตผู้ต้องหาหนึ่งราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์วางระเบิด ในอำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี เมื่อสามปีก่อน

เมื่อวานนี้ ศาลจังหวัดปัตตานี ได้มีการพิพากษาประหารชีวิต นายอาฮามะ หะยีบาซอ จำเลยในคดีร่วมกันก่อการร้าย ตามคดีดำ อ.1853/57 โดยนายอาฮามะ ได้ร่วมกันกับกลุ่มก่อการร้าย วางระเบิดบนถนนสายบ้านคลองช้าง-บ้านเขาวัง ม.3 ต.ตรัง อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2555  ทำให้ ร.ท. ดิเรกสิน รัตนสิน อายุ 27 ปี ผบ.ร้อย ร.15312 ฉก.ปัตตานี 25 และ ส.อ.ยุทธยา จำปามี อายุ 27 ปี เสียชีวิต

ทางกองอำนวยการความมั่นคงภายในภาคที่ 4 ส่วนหน้า ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ได้แจ้งเตือนให้ทุกคนในพื้นที่ ไม่เพียงเฉพาะเจ้าหน้าที่ให้มีความตื่นตัวในการเฝ้าระมัดระวังการตอบโต้จากกลุ่มผู้ก่อการร้ายในพื้นที่  

ในวันนี้ ทางด้าน พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4  และ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้เดินทางไปพบปะพูดคุยกับประชาชน  35 ชุมชน ที่อาศัยอยู่เขต อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อให้กำลังใจและรับฟังปัญหา หลังจากเกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บ 12 ราย ร้านค้าและบ้านเรือน รวมทั้งยานพาหนะได้รับความเสียหายจำนวนหนึ่ง พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่4  กล่าวแก่ชาวชุมชนว่า อยากให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการที่จะปกป้องชุมชนของตนเองเป็นสำคัญ ต้องมีการเรียนรู้แล้วเข้าใจ และกำลังภาคประชาชนถือว่าเป็นกำลังสำคัญต้องมีบทบาท

“ไม่จำเป็นต้องถือปืนออกรบ แต่ต้องมีความสามัคคีกัน ร่วมคิดร่วมทำ เรียนรู้ว่าจะอยู่อย่างไร จึงจะมีความสุขในชุมชนของตนเอง และต้องช่วยกันปกป้องไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อเหตุป่วนในพื้นที่ของทุกคนได้” พล.ท.ปราการ กล่าว

พลโทปราการ ชลยุทธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมครั้งนี้มีความสำคัญ และสอดคล้องกับนโยบายระดับชาติ และเป็นนโยบายของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคที่ 4 ส่วนหน้า และฝ่ายปกครอง ที่ต้องการให้นำกำลังภาคประชาชนออกมาร่วมกันดูแลบ้านเมือง เพื่อให้พื้นที่ปลอดเหตุ ประชาชนปลอดภัย

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง