ชัชชาติสั่งตรวจตลาดสัตว์เลี้ยง หลังเหตุไฟไหม้จตุจักรสัตว์ตายกว่า 5 พันชีวิต

รุจน์ ชื่นบาน และจรณ์ ปรีชาวงศ์
2024.06.13
กรุงเทพฯ
ชัชชาติสั่งตรวจตลาดสัตว์เลี้ยง หลังเหตุไฟไหม้จตุจักรสัตว์ตายกว่า 5 พันชีวิต เจ้าหน้าที่ดับเพลิงราดน้ำบนไก่ที่ได้รับบาดเจ็บหลังจากเกิดเพลิงไหม้ที่โซนสัตว์เลี้ยง ตลาดนัดจตุจักร ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567
เอเอฟพี

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงเร่งทำการสำรวจกิจการค้าขายสัตว์ทั้งหมดที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ หลังเมื่อวันอังคารเกิดเหตุเพลิงไหม้ตลาดศรีสมรัตน์ จตุจักร โซนจำหน่ายสัตว์เลี้ยง และมีสัตว์ตายรวมทั้งหมด 5,343 ตัว โดยระบุว่า ถ้าจะให้ขายต้องมั่นใจว่าสัตว์เลี้ยงจะอยู่ในที่ที่มีคุณภาพ ด้านสมาคมพิทักษ์สัตว์ระบุ สาเหตุเกิดจากการไม่บังคับกฎหมายให้เข้มงวด และควรจัดการให้สัตว์มีสวัสดิภาพที่เหมาะสม

“จากการรายงานสรุปพบพื้นที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด 118 ร้าน และมีอีก 15 ร้าน ที่ได้รับผลกระทบบางส่วน หลังเกิดเหตุมีสัตว์ตายกว่า 5,000 ตัว เช่น ปลา 3,500 ตัว, สุนัข 37 ตัว, ลิง 2 ตัว, นก 1,382 ตัว, กระรอก 30 ตัว, เต่า 100 ตัว, แมว 25 ตัว, แร็กคูน 10 ตัว, ไก่ 217 ตัว และมีสัตว์อื่นอีกที่ไม่สามารถระบุจำนวนได้” นายชัชชาติ กล่าวกับสื่อมวลชน

“ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญในการกลับมาเข้มงวดเรื่องการป้องกันอัคคีภัย เพราะหากมองผู้เสียหายที่แท้จริงคือ สัตว์ สำหรับตลาดที่เกิดเหตุจะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน ซึ่งในขณะนี้ต้องระงับการเปิดตลาดใหม่ หากจะเปิด รฟท.ต้องมาขออนุญาต กทม.ก่อน ในส่วนของผู้ค้าที่จะทำกิจการค้าสัตว์เลี้ยงต้องขออนุญาตประกอบกิจการเช่นกัน” นายชัชชาติ ระบุ

ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ กทม. อาจพิจารณาเงื่อนไข สำหรับการอนุญาตประกอบกิจการค้าสัตว์เลี้ยง เพิ่มในด้านความปลอดภัย และการป้องกันอัคคีภัยเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก โดยกิจการค้าสัตว์เลี้ยงมีข้อกฎหมายเกี่ยวข้องหลายฉบับ เช่น พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2555 พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 และพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557

ผู้ว่าฯ กทม. ระบุเพิ่มเติมว่าปัจจุบันพบแหล่งมีการค้าสัตว์เลี้ยงจุดใหญ่ 2 แห่ง ที่ตลาดสนามหลวง 2 เขตทวีวัฒนา และจตุจักร 2 เขตมีนบุรี โดยผู้ว่าฯ ยืนยันว่าจะเข้าไปกำชับให้ผู้ประกอบการดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้อง ซึ่งขณะนี้ กทม.ได้เปิดให้ขออนุญาตได้ถึงวันที่ 15 ก.ค.นี้

เหตุการณ์ไฟไหม้ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันอังคารที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ตลาดศรีสมรัตน์ จตุจักร ในโซนจำหน่ายสัตว์เลี้ยง โดยมีร้านค้า 118 คูหา พื้นที่รวม 1,400 ตารางเมตร ได้รับแจ้งเหตุเวลา 04.00 น. และเจ้าหน้าที่ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงเพื่อควบคุมเพลิง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่มีสัตว์เลี้ยงประเภทสุนัข แมว กระต่าย งู นก ปลากัด และไก่ ตายเป็นจำนวนมาก

โดยหลังเกิดเหตุ นางภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการเขตจตุจักร แจ้งให้เจ้าของร้านที่ได้รับผลกระทบเข้าแจ้งความกับตำรวจ เพื่อที่จะออกใบรับรองให้กับผู้ที่เช่าแผง จากนั้นจึงจะมาที่สำนักงานเขต เพื่อรับเงินเยียวยาเป็นทุนประกอบอาชีพไม่เกิน 10,400 บาทต่อร้าน

ด้านนายโรเจอร์ โลหะนันท์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า มี 3 มุมมอง ต่อเหตุการณ์ดังกล่าวที่ควรต้องถอดบทเรียนคือ มุมมองด้านกฎหมาย มุมมองจากฝ่ายอนุรักษ์ และมุมมองเรื่องสวัสดิภาพสัตว์

“ด้านกฎหมายจะเห็นว่าที่ค้าขายสัตว์กันอยู่ตอนนี้ มีเบาะแสว่าส่วนใหญ่ไม่มีใบอนุญาต บางร้านก็เป็นสัตว์นำเข้าหรือเพาะเลี้ยงแบบผิดกฎหมาย แต่ไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปตรวจสอบ มองจากฝ่ายอนุรักษ์ ก็จะพบว่า การค้าสัตว์ป่า ต่อให้มีช่องให้ค้าขายได้ก็ไม่สมควร โดยเฉพาะสัตว์ป่าต่างแดน เพราะจะเกิดปัญหากับระบบนิเวศ” นายโรเจอร์ ระบุ

นายโรเจอร์ กล่าวต่อว่ามุมมองเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ เป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะเห็นแล้วว่าการไม่จัดสวัสดิภาพให้เหมาะสมตามกฎหมาย ไม่เพียงมีผลต่อสัตว์ แต่มีผลกับธุรกิจของผู้ค้าเองด้วย ถือว่าโชคดีที่ไม่มีคนเสียชีวิต ไม่เช่นนั้นจะยิ่งกว่านี้ เพราะร้านเหล่านี้ก็พยายามต่อต้านกฎระเบียบมาตลอด ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าเข้าไป

“สิ่งที่เราได้เรียนรู้แน่นอน คืออย่าวัวหายแล้วล้อมคอก นี่ไม่ใช่ไฟไหม้ครั้งแรกที่จตุจักร และที่สำคัญคือมันไม่ใช่เหตุสุดวิสัย แต่เกิดจากการไม่บังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวด เป็นเครื่องยืนยันว่าการบังคับใช้กฎหมายของบ้านเรามันหย่อนยานมาก” นายโรเจอร์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์

ในวันเดียวกันนายบุญญกฤต ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ แถลงต่อสื่อมวลชนว่า การทำกิจการค้าสัตว์ต้องขออนุญาต แต่พบว่าสัตว์เลี้ยงที่จำหน่ายบางชนิดไม่เข้าข่าย พ.ร.บ. การจัดการสวัสดิภาพสัตว์เลี้ยง เช่น ปลา เต่า กระรอกบางชนิด

“เราอาจต้องหารือกับหน่วยงานอื่นที่จะเข้ามาร่วมดูแล เช่น กรมอุทยานฯ (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช) สำหรับในตลาดที่เกิดเหตุจากข้อมูลเบื้องต้นมีผู้ค้าบางรายเท่านั้นที่ขออนุญาตประกอบกิจการค้าสัตว์เลี้ยง แต่ส่วนใหญ่ยังไม่มีใบอนุญาต” นายบุญญกฤต ระบุ

ขณะที่ น.ส. ทวิดา กมลเวช รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า กทม. ได้สำรวจกิจการค้าสัตว์เลี้ยงในกรุงเทพฯ ข้อมูลล่าสุดวันที่ 16 มกราคม 2567 มีร้านค้าสัตว์เลี้ยงทั้งหมด 233 แห่ง ที่ได้สำรวจ มีใบขออนุญาตประกอบกิจการค้าสัตว์เลี้ยงเพียง 30 ร้านเท่านั้น จึงเชื่อว่ายังมีอีกหลายร้านที่ยังไม่มีการสำรวจ

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง