นายกฯ สั่งย้ายอธิบดีกรมอุทยานเข้าทำเนียบ หลังโดนคดีเรียกสินบน

ในวันพุธนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงนามในคำสั่งย้าย นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้เข้ามาช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาลแล้วระหว่างการสอบสวน หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวฐานเรียกเงินสินบนจากการโยกย้ายตำแหน่งของผู้ใต้บังคับบัญชา และตำรวจเจ้าของคดีอนุญาตให้ประกันตัว โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันพุธนี้ว่า พล.อ. ประยุทธ์ ได้สั่งย้าย นายรัชฎา ออกจากกรมอุทยานฯ เพื่อความสะดวกในการสอบสวนคดีทุจริตรับสินบน หลังจากที่มีการแจ้งเบาะแส กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และศูนย์อํานวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ

“ถือว่าหลักฐานมันมากอยู่ที่ท่านนายกฯ ก็ได้ลงนามในคำสั่งเอาตัวเข้ามาที่ทำเนียบ เพื่อที่จะไม่อยู่ตรงนั้นให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนได้อย่างสะดวก... มีผลในวันนี้ ส่วนที่จะไล่ออก ปลดออก มันต้องดำเนินการตรวจสอบทางวินัย หรือมีอะไรชัดเจนขึ้นกว่านี้ แค่นี้ก็เป็นการลงโทษไป 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว” นายวิษณุ กล่าวกับผู้สื่อข่าว

ในวันเดียวกัน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ซึ่งเป็นเจ้าของคดีได้อนุญาตให้ประกันตัวนายรัชฎา หลังวางหลักทรัพย์ 4 แสนบาท เพื่อค้ำประกัน โดยให้เหตุผลว่า

“นายรัชฎาเป็นข้าราชการระดับสูงมีตำแหน่งหน้าที่การงานมั่นคง ประกอบกับมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่น่าจะมีพฤติกรรมหลบหนี จึงอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวได้” โดยนายรัชฎา เพิ่งรับตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้  

การจับกุมนายรัชฎา เริ่มมาจากการที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ รวมทั้ง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ นักต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ได้ร้องเรียนต่อ บก.ปปป. ว่านายรัชฎามีพฤติกรรมเรียกรับเงินสินบน

โดยในช่วงเช้าวันอังคารที่ผ่านมา พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปยังอาคารสืบนาคะเสถียร กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายรัชฎาว่า “เป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งโดย ไม่ชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยทุจริต” ต่อนายรัชฎา

“การจ่ายก็เป็นเปอร์เซ็นต์ตามโครงงาน ใครไม่จ่ายคนนั้นก็มีสิทธิที่จะถูกโยกย้าย หรือใครจ่ายไม่ถึง หรือเบี้ยวก็โดนโยกย้าย จะกลับมาตำแหน่งเดิมก็ต้องมีการเสียเงิน 2-5 แสน นี่คือข้อมูลที่เราสืบสวนมา การวิ่งอยู่ในตำแหน่งก็ต้องจ่ายอีก” พล.ต.ต. จรูญเกียรติ เปิดเผยในการแถลงข่าวเมื่อวาน

ในปฏิบัติการดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดแนะกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ รายหนึ่ง ให้ทำทีนำซองเงินเข้าไปให้นายรัชฎา โดยบันทึกเสียง-วิดีโอระหว่างการสนทนาด้วย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอค้นห้องทำงานของนายรัชฎา พบซองใส่เงินหลายซองรวมแล้วเป็นเงิน 4.9 ล้านบาท หลังถูกจับกุมนายรัชฎา ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการภาคเสธ คือยอมรับว่า รับซองจริง แต่อ้างว่าไม่ทราบว่าภายในซองคือ เงินสด

ในวันพุธนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุในวันนี้ ว่า ขณะนี้ พนักงานสอบสวนกำลังจะออกหมายเรียก หัวหน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานฯ ที่ปรากฏรายชื่อตามซองเงินของกลาง ที่ตรวจพบภายในห้องทำงานของนายรัชฎา มาสอบปากคำในฐานะพยานรวมกว่า 20 คน ขณะเดียวกัน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ และพิจารณาการหาผู้ที่จะปฏิบัติหน้าที่อธิบดีกรมอุทยานฯ ต่อไป

ร้องเรียกเงินสินบน

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) หนึ่งในผู้ร้องเรียนกรณีนี้ต่อ บก.ปปป. เปิดเผยกับสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ว่า ตนเองร้องเรียนเรื่องดังกล่าว เพราะได้รับฟังการระบายทุกข์จากเจ้าหน้าที่กรมอุทยานหลายคน

“ผมเห็นใจน้อง ๆ (เจ้าหน้าที่) เพราะบางคนอยู่ผาแต้ม (อุบลราชธานี) บรรจุตอนแรกสงขลา โตมาเรื่อย ๆ มาเป็นหัวหน้าผาแต้ม 5-10 ปี แล้วก็มีครอบครัว ลูกก็เรียนที่อุบลฯ แล้วถ้าเขาไม่รักษาตำแหน่ง เขาต้องไปอยู่ที่สงขลา ทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก” นายชัยวัฒน์ กล่าว

“เรารู้สึกว่ามันไม่แฟร์สำหรับข้าราชการ ก็ต้องวิ่งเต้นแล้ว ตัวเองมีเหลือรถก็ต้องจำนำ มีทองก็ต้องขาย ต้องไปหาเพื่อรักษาตำแหน่ง รักษาครอบครัว คุณต้องจ่ายงบประมาณ 12-18 เปอร์เซ็นต์ รักษาตำแหน่ง แล้วก็รายเดือนอีก” นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติม

นายชัยวัฒน์ ระบุว่า ช่วงสัปดาห์นี้ เป็นเวลาที่ผู้อำนวยการสำนักต่าง ๆ ในกรมอุทยานแห่งชาติ 16 สำนัก และ 5 สาขา ถูกเรียกเข้ามาประชุมที่กรม ซึ่งตรงกับเทศกาลปีใหม่ และช่วงที่งบประมาณถูกจ่ายออกรอบแรกของปีงบประมาณ 2566 จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่เจ้าหน้าที่ต้องเอาเงินสินบนบางส่วนมาจ่ายให้กับอธิบดีกรมอุทยานฯ และระบุว่าอาจจะมีการส่งส่วยนักการเมือง

กฎหมายประมวลอาญาได้ระบุไว้ว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต