นายกฯ ยืนยันไม่ยุบสภา-ปรับ ครม. ท่ามกลางข่าวว่า ส.ส. พลังประชารัฐ จะไม่ยกมือให้

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันในวันพุธนี้ว่า จะไม่ลาออกหรือปรับคณะรัฐมนตรี หลังจากที่มีสื่อมวลชนรายงานว่า ส.ส. สังกัดพรรคพลังประชารัฐ แกนนำรัฐบาลจะไม่ลงคะแนนเสียงสนับสนุน พลเอก ประยุทธ์ ในการอภิปรายไม่ไว้วางนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีกหกราย ที่มีกำหนดลงคะแนนในวันเสาร์นี้

เมื่อวานนี้ หนังสือพิมพ์หลายฉบับรายงานว่า พลเอก ประยุทธ์ ได้ส่งข้อความทางไลน์สอบถาม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในลักษณะตัดพ้อว่าอาจจะมี ส.ส. พรรคพลังประชารัฐไม่สนับสนุนตนเองในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และข่าวลือว่าสถาบันเบื้องสูงต้องการให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี

ในวันนี้ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวกับสื่อมวลชนที่รัฐสภา ยืนยันว่าข่าวลือที่จะมีการยุบสภา หรือปรับ ครม. ไม่เป็นความจริง ขอให้สังคมอย่าหลงเชื่อ

“ยืนยันตรงนี้เลยนะ หนึ่ง ผมจะไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีในตอนนี้นะ สอง ผมจะไม่มีการยุบสภาในตอนนี้ในหัวผมสมองผมเลย ข่าวตอนนี้คือ โหวตล่มนายกฯ ถ้ามันจริงนะ ผมถือว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษ ผมเข้ามาแล้วก็ทำงาน 100 เปอร์เซ็นต์ ปล่อยข่าวว่ายุบสภา ทุกคนก็ตื่นตระหนกกันไปหมด” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนได้คุยกับ พล.อ. ประวิตร ซึ่งได้ตอบมาว่า ไม่มีเรื่องดังกล่าว และจะสืบสาวเรื่องให้ พร้อมทั้งแสดงความไม่สบายใจ

“มีการแอบอ้าง จะมีการเปลี่ยนตัว (นายกฯ) แอบอ้างเบื้องสูง จะมีความผิดอย่างร้ายแรงนะ ผมคนเดียวเท่านั้นที่ได้มีโอกาสถวายข้อราชการ คนอื่นไม่มี” พล.อ. ประยุทธ์ กลาวเพิ่มเติม

ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งนี้ ฝ่ายค้านได้เลือกนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรายอื่นอีก 5 คน ทำให้เกิดกระแสว่า พล.อ. ประวิตร หัวหน้าพรรค พปชร. และ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค พปชร. ที่ไม่ได้ถูกอภิปราย อาจจะลอยแพ พลเอก ประยุทธ์ และมีดีลกับฝ่ายค้าน

ในเรื่องนี้ ร.อ. ธรรมนัส ซึ่งถูกเชื่อมโยงกับข่าวดังกล่าวว่ามีความพยายามโน้มน้าวให้ ส.ส. ลงคะแนนไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงในวันนี้ว่า ตนเองไม่ได้กระทำการใด ๆ ตามข่าวลือ

“การจะมาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันในรัฐบาล ไม่ใช่พฤติกรรมของผม ผมยืนยันว่าผมจะนำพาพรรคพลังประชารัฐให้เป็นพรรคการเมืองที่มีความเข้มแข็งเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน ผมไม่ได้ถูกใช้ให้ล็อบบี้ใคร หรือโหวตคว่ำใครคนใดคนหนึ่งผมไม่ทำ” ร.อ. ธรรมนัส กล่าว

ต่อประเด็นข่าวลือดังกล่าว น.ส. นวพร สุนันท์ลิกานนท์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาด้านเด็กและเยาวชน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ว่าข่าวลือที่เกิดขึ้นอาจเป็นได้ทั้งข่าวลือธรรมดา และการสะท้อนความไม่ลงรอยกันของพรรคร่วมรัฐบาล

“การเปลี่ยนขั้วอำนาจการเมืองเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา กระแสการต่อต้านรัฐบาลของประยุทธ์ก็มีต่อเนื่อง ความขัดแย้งภายในพรรคก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่จะมากหรือน้อยเราไม่สามารถรู้ แต่ท่าทีที่ผ่านมาทำให้เริ่มตั้งคำถามได้ว่า ส.ส. อาวุโสในพรรคยังคงให้การสนับสนุนประยุทธ์เพียงคนเดียวอยู่หรือเปล่า” น.ส.นวพร กล่าว

น.ส. นวพร กล่าวอีกว่า ในช่วงหลัง ร.อ. ธรรมนัส แย่งชิงพื้นที่ข่าวมากขึ้น ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นเพียงข่าวลือเพื่อการดิสเครดิตรัฐบาล สร้างกระแสความปั่นป่วนก็ได้ แต่ก็สามารถมองได้ว่าเริ่มมีระหองระแหงในความสัมพันธ์ภายในพรรคได้เช่นกัน

ฝ่ายค้านยังมุ่งโจมตีนายกฯ เรื่องโควิด-19

ในวันเดียวกัน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายโจมตีการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของรัฐบาล โดยชี้ว่าเป็นความบกพร่องของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีสาธารณสุข

“รัฐบาลกู้เงินไปแล้ว 1 ล้านล้าน จัดสรรให้กับกระทรวงสาธารณสุขไปแล้ว 4.5 หมื่นล้าน ทำไมถึงไม่มีความพร้อม หมายเลข 1668 แต่เดิมก็โทรได้ 8 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม โทรไปก็ไม่ติด… เหตุการณ์นี้ชี้ชัดได้ว่า พลเอก ประยุทธ์ และนายอนุทิน (ชาญวีรกูล) ปล่อยปละละเลย จนขาดความพร้อมที่จะดูแลรักษาชีวิตของประชาชน จะอ้างว่างบไม่มีไม่ได้ จนสุดท้ายประชาชนต้องล้มตาย หลายคนต้องป่วยตายคาบ้าน” นายวิโรจน์ ระบุ

ขณะเดียวกัน นายขจิตร ชัยนิยม ส.ส. จังหวัดอุดรธานี พรรคเพื่อไทย เห็นว่า นายกรัฐมนตรีควรจะลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบต่อความผิดพลาดในการบริหารสถานการณ์โควิด-19

ในระหว่างการอภิปรายฯ ในวันเดียวกัน ได้มีกลุ่มต้านรัฐบาลกลุ่มต่าง ๆ ออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาล เช่น กลุ่มทะลุฟ้าได้ชุมนุมที่หน้าอาคารรัฐสภา กลุ่มราษฎรตาลีบัน ที่ห้าแยกลาดพร้าว และกลุ่มทะลุแก๊ซ ที่สามเหลี่ยมดินแดง

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะดำเนินการระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม - 4 กันยายน 2564 และคาดว่าจะลงคะแนนในช่วงค่ำของวันเสาร์ที่ 4 กันยายน นี้ นอกจาก พล.อ. ประยุทธ์ มีผู้ที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประกอบด้วย นายอนุทิน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

คุณวุฒิ บุญฤกษ์ ในเชียงใหม่ ร่วมรายงาน