อดีต พล.ท.มนัส ผู้ต้องขังคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา เสียชีวิตในเรือนจำ
2021.06.03
กรุงเทพฯ

ในวันพฤหัสบดีนี้ กรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ต้องขังจากคดีร่วมกันค้ามนุษย์ ชาวโรฮิงญาและบังกลาเทศ ซึ่งถูกควบคุมในเรือนจำตั้งแต่ปี 2558 ได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา จากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ขณะอยู่ในการดูแลของเรือนจำคลองเปรม โดยแพทย์ยืนยันไม่ใช่การติดเชื้อโควิด-19
พล.ท.มนัส เป็นผู้ถูกตัดสินโดยศาลอุทธรณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2562 ให้จำคุกเป็นเวลา 82 ปี จากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีร่วมกันค้ามนุษย์ หลังจากเจ้าหน้าที่พบศพชาวโรฮิงญาและบังกลาเทศกว่า 30 ศพ ในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ใกล้แนวชายแดนมาเลเซีย ในปี 2558 นำมาสู่การดำเนินคดีดังกล่าว โดยก่อนเสียชีวิต พล.ท.มนัส อยู่ในการควบคุมตัวของเรือนจำคลองเปรม และอยู่ระหว่างกระบวนการสู้คดีในชั้นฎีกา
กรมราชทัณฑ์ เปิดเผยผ่านเอกสารข่าว ระบุว่า การเสียชีวิตของ พล.ท.มนัส เกิดขึ้นในช่วงค่ำของวันพุธ หลังเจ้าตัวหมดสติ ขณะออกกำลังกาย
“กรณีการเสียชีวิตของพลโท มนัส คงแป้น แพทย์จึงได้ทำการวินิจฉัยพบว่า ร่างกายเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้” ตอนหนึ่งของเอกสาร ระบุ
กรมราชทัณฑ์ เปิดเเผยว่าขณะเดินออกกำลังกาย ในวันที่ 2 มิถุนายน 2564 พล.ท.มนัส มีอาการวูบหมดสติ ไม่รู้สึกตัว นอนนิ่ง ไม่หายใจ ผู้เห็นเหตุการณ์จึงได้แจ้งผู้คุมและเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการช่วยเหลือ พยาบาลแรกรับระบุว่า คลำชีพจร พล.ท.มนัส ไม่ได้ ม่านตาไม่ตอบสนองต่อแสง จึงได้ทำการกู้ชีพ กดนวดหัวใจ (CPR) และใส่ท่อช่วยหายใจ
“19.00 นาฬิกา ตามวันดังกล่าว แพทย์ได้ทำการรักษาเพื่อช่วยชีวิต ตามกระบวนการทางการแพทย์อย่างเต็มความสามารถ ซึ่งนอกจากนี้ยังได้ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยผลตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด รวมทั้งได้เอ็กซเรย์ปอด พบหัวใจโต จึงทำการกดนวดหัวใจเป็นเวลา 40 นาที พบว่า ร่างกายไม่มีการตอบสนอง ไม่มีคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และเสียชีวิตในเวลา 19.40 นาฬิกา” เอกสารชี้แจง ระบุ
กรมราชทัณฑ์ ระบุว่า พล.ท.มนัส เสียชีวิตด้วยวัย 65 ปี ก่อนหน้านี้ด้วยปัญหาสุขภาพ จึงเคยถูกย้ายตัวจากเรือนจำกลางคลองเปรม ไปรับการรักษาที่ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2561และเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในการเฝ้าระวังของแพทย์นับตั้งแต่นั้น
คดีของ พล.ท.มนัส สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 มีการเปิดเผยการพบหลุมศพของผู้อพยพชาวโรฮิงญา ซึ่งถูกลักลอบพาเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย บนเทือกเขาแก้ว พื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสนใจของนักสิทธิมนุษยชน และสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ นำไปสู่การออกหมายจับ พล.ท.มนัส และผู้เกี่ยวข้องรายอื่น ๆ โดย พล.ท.มนัส เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในวันที่ 3 มิถุนายน 2558
คดีนี้มี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจ ภาค 8 ในขณะนั้น เป็นหัวหน้าฝ่ายสอบสวน ต่อมาเดือนกรกฎาคม 2558 พนักงานอัยการได้สั่งฟ้องคดีดังกล่าวใน 16 ข้อหา เช่น พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556, พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และข้อหาอื่น ๆ
เดิมมีผู้ต้องหาในคดีนี้มี 103 ราย ในนั้นมีจำเลยคนสำคัญ นอกจาก พล.ท.มนัส อีก 3 ราย ประกอบด้วย นายบรรณจง ปองผล หรือโกจง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์, นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล และนายซอเนียง อานู หัวหน้าขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญา ซึ่งทั้งหมดถูกพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลาหลายปีเช่นเดียวกับ พล.ท. มนัส
ต่อมาวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 ศาลอาญาชั้นต้นได้พิพากษาจำคุก พล.ท.มนัส เป็นเวลา 27 ปี โดยมีจำเลยถูกตัดสินให้ถูกลงโทษ 61 ราย ยกฟ้อง 40 ราย และเสียชีวิตระหว่างการพิจารณา 1 ราย และวันที่ 31 ตุลาคม 2562 ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิ่มโทษ พล.ท.มนัส เป็นเวลา 82 ปี และมีจำเลยถูกตัดสินโทษรวม 88 ราย
เรือนจำติดโควิด-19 เพิ่ม 1,230 ราย และเสียชีวิต 1 ราย
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์ว่า เรือนจำสังกัดกรมราชทัณฑ์ ยังคงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเนื่องจากการตรวจคัดกรองที่ทำอย่างต่อเนื่อง
“เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถาน มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 1,230 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย… ปัจจุบันมีเรือนจำ/ทัณฑสถานที่ไม่พบการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มขึ้น เป็นจำนวน 123 แห่ง และยังสามารถควบคุมจำนวนของเรือนจำ/ทัณฑสถานที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อให้คงที่อยู่ที่ 13 แห่ง” นายอายุตม์ ระบุ
“ผู้ต้องขังที่เสียชีวิต 1 รายในวันนี้ เป็นผู้ต้องขังชาย อายุ 84 ปี จากเรือนจำกลางคลองเปรม ได้ตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 และเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดยเป็นผู้ป่วยในกลุ่มเปราะบาง คือมีโรคประจำตัวเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว” นายอายุตม์ กล่าว
นายอายุตม์ ระบุว่า กรมราชทัณฑ์ ได้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ต้องขัง และบุคลากรแล้ว โดยล่าสุดได้ดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ
“ฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังทั้งหมด 6,515 คน ซึ่งจะดำเนินการฉีดระหว่างวันที่ 3 - 6 มิถุนายน 2564 รวม 4 วัน หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 1,800 คน เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ และลดการเจ็บป่วยรุนแรง หรือการเสียชีวิตของผู้ต้องขังลง ก่อนจะเริ่มกระจายการฉีดวัคซีนไปยังเรือนจำสีขาว ที่เป็นเรือนจำปลอดเชื้อ จนกระทั่งครอบคลุมในทุกเรือนจำ/ทัณฑสถาน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2564 นี้” นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า มีผู้ต้องขังติดเชื้อสะสมรวมทั้งสิ้น 28,302 ราย และมีผู้เสียชีวิต 13 ราย