นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนชาวจีนหายตัวไป หลังจากขึ้นรถไฟในไทย
2016.01.22

นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนคนหนึ่งจากจีน หายตัวไปเมื่อกว่า 10 วันที่แล้ว หลังจากขึ้นรถไฟในประเทศไทย เพื่อเดินทางไปยังประเทศลาว และจุดหมายปลายทางสุดท้ายอยู่ที่ซีกโลกตะวันตก ที่ซึ่งเขาวางแผนที่จะขอลี้ภัยทางการเมือง ภรรยาของเขากล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี
นางซี ซานเหม่ย ภรรยาของนายหลี่ ซิน นักข่าวของหนังสือพิมพ์ เซาเทิร์น เมโทรโปลิส เดลี่ ในมณฑลกวางตุ้งของจีน กล่าวในระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า เธอได้ข่าวจากสามีครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 10 มกราคม
เธอกล่าวว่า จู่ ๆ เธอก็ขาดการติดต่อกับสามีของเธอ หนึ่งวันหลังจากที่เขาขึ้นรถไฟ เพื่อเดินทางไปยังจังหวัดหนองคาย จังหวัดพรมแดนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ที่ซึ่งเขาวางแผนว่าจะเข้าสู่ลาว
เธอกล่าวว่า เพื่อนคนหนึ่งพยายามรายงานการหายตัวไปของเขาแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิเสธ
“ตำรวจถามว่า “ทำไมไม่รายงานเรื่องนี้แก่สถานทูตจีน” นางซี ซึ่งยังคงอยู่ในประเทศจีน กล่าว
“แต่ฉันไม่ได้อยู่ในเมืองไทย ดังนั้น ฉันจึงไม่มีทางไปที่สถานทูตจีนได้” เธอกล่าว “ยังไงก็ตาม ฉันออกจากจีนไม่ได้ ดังนั้น ฉันจึงไม่มีทางเลือก”
ถูกกดดัน
เมื่อสี่เดือนที่แล้ว นายหลี่ได้พยายามขอลี้ภัยในอินเดีย แต่คำขอของเขาถูกปฏิเสธ เขาหนีไปที่กรุงนิวเดลีเมื่อเดือนตุลาคม หลังจากที่ถูกตำรวจสันติบาลของรัฐบาลจีน เกณฑ์ให้สอดแนมนักเคลื่อนไหวคนอื่น ๆ โดยเขาถูกขู่ตั้งข้อหาจารกรรม หากเขาไม่ยอมทำตาม
นายหลี่เคยเป็นนักรณรงค์เพื่อการปฏิรูปประชาธิปไตยและเพื่อสิทธิมนุษยชนในจีน เขาเคยกล่าวว่า ทางการได้กดดันให้เขาเป็นสายข่าวให้รัฐบาล หลังจากที่เขาเขียนความคิดเห็นทางออนไลน์ เพื่อสนับสนุนนายเฉิน กวงเฉิง ชายตาบอด นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน
หลังเดินทางถึงอินเดีย นายหลี่ได้เปิดเผยเอกสารลับที่เขาได้มาในระหว่างทำงานกับหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ซึ่งรวมถึงเอกสารลับรายชื่อหัวข้อและแหล่งข่าวที่สื่อถูกห้ามไม่ให้รายงานหรือใช้
นายหลี่ขอลี้ภัยทางการเมืองในอินเดียไม่ได้ เพราะอินเดียไม่ยอมรับคำขอลี้ภัยจากชาวจีน จากนั้น เขาจึงสมัครขอวีซ่านักท่องเที่ยวที่สถานทูตอเมริกันในกรุงนิวเดลี แต่คำขอของเขาถูกปฏิเสธ
เขาเดินทางไปยังประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 มกราคม และเก้าวันหลังจากนั้น ได้ขึ้นรถไฟไปยังประเทศลาว ภรรยาของเขากล่าว
ทางการลาว
นางซี กล่าวว่า หากเธอขอข้อมูลเกี่ยวกับการหายตัวไปของสามีของเธอจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในไทยไม่ได้ เธอจะพยายามขอข้อมูลจากทางการลาว
“แต่สถานการณ์ตอนนี้ ทางการไทยไม่ยอมรับคดีของสามีของฉัน แล้วฉันจะไปที่ลาวได้อย่างไร” เธอกล่าว
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ในมณฑลกวางตุ้ง ทางภาคใต้ของจีน กันนางซี และบุตรชายวัยทารกของเธอ ไม่ให้เดินทางออกจากจีน เพื่อไปพบกับสามีของเธอ หลังจากที่เขาหลบหนีออกจากประเทศ
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในเมืองเซินเจิ้น ได้หยุดนางซีและบุตรชาย ขณะที่ทั้งคู่พยายามเดินทางเข้าไปในฮ่องกงซึ่งอยู่ติดกัน ฮ่องกงยังคงพรมแดนการตรวจคนเข้าเมืองภายในของตัวเองไว้ หลังจากที่ถูกส่งมอบคืนแก่จีนเมื่อปี 2540
ในตอนนั้น นายหลี่กล่าวว่า เขาเชื่อว่า ทางการจีนห้ามภรรยาและบุตรของเขาออกนอกประเทศ เพราะต้องการตอบโต้ที่เขาปล่อยข่าวเกี่ยวกับกลไกการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลจีน
การหายตัวไปของนายหลี่ เป็นเหตุการณ์ล่าสุดของเหตุการณ์การหายตัวไปของนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนชาวจีนหลายเหตุการณ์ติดต่อกัน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักข่าวเอพีกล่าว
เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว นายกุ้ย หมินไห่ เจ้าของสำนักพิมพ์ในฮ่องกง ได้หายตัวไปอย่างกะทันหันจากอพาร์ตเมนต์ของเขาในเมืองพัทยา เมืองรีสอร์ทริมทะเลของไทย นายกุ้ยปรากฏตัวในสัปดาห์นี้ทางรายการโทรทัศน์ของทางการจีน โดยบอกว่าเขาได้เดินทางกลับไปยังจีน เพื่อเข้ามอบตัวสำหรับคดีเก่า สำนักข่าวเอพีรายงาน
อีกสี่คนที่เกี่ยวข้องกับสำนักพิมพ์เดียวกันนี้ในฮ่องกง ซึ่งจำหน่ายหนังสือเกี่ยวกับการเมืองของจีน ที่ถูกห้ามขายในจีน ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ