อัยการสั่งฟ้องพระธัมมชโย คดีเครดิตยูเนียนคลองจั่นแล้ว
2016.11.23
กรุงเทพฯ

ในวันพุธ (23 พฤศจิกายน 2559) นี้ อัยการคดีพิเศษ แถลงสั่งฟ้องพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย ในความผิดโทษฐานสมคบคิด ร่วมกระทำความผิด และรับของโจร จากกรณีการฟอกเงินของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
โดย ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วยนายชาติพงษ์ จีระพันธุ์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษในฐานะหัวหน้าคณะทำงานร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงการสั่งคดีของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1 พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาที่ 2 น.ส.ศรัญญา มานหมัด อดีตคณะบริหารสหกรณ์ฯ ผู้ต้องหาที่ 3 นางทองพิน กันล้อม อดีตคณะบริหารสหกรณ์ฯ ผู้ต้องหาที่ 4 และนางศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 กระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร
“ผู้ต้องหาที่พนักงานสอบสวน ยังไม่ได้ส่งตัวให้พนักงานอัยการได้แก่ผู้ต้องหาที่ 2 พระเทพญาณมหามุนีหรือพระธัมมชโย และนางศศิธรผู้ต้องหาที่ 5 พนักงานอัยการมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองในฐานความผิดสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9, 60 ประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 357, 83” ตอนหนึ่งของคำแถลงกล่าว
ร.ท.สมนึกระบุว่า หลังจากนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ต้องหาตัวผู้ต้องหา คือ พระธัมมชโย และนางสาวศศิธร มารายงานตัวต่อสำนักงานอัยการสูงสุดภายในอายุความ 15 ปี
สำหรับผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งถูกจำคุกอยู่ในคดีอื่น และผู้ต้องหาที่ 3 และผู้ต้องหาที่ 4 ที่พนักงานสอบสวนได้ส่งตัวให้อัยการแล้ว พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ผู้ต้องหาที่ 3 และผู้ต้องหาที่ 4 ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9, 60 โดยพนักงานอัยการได้นัดผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 มารายงานตัวเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญาในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559
ด้าน นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เปิดเผยต่อสื่อมวลชนผ่านระบบแอปพลิเคชันไลน์ในวันนี้ว่า คณะศิษย์กำลังเตรียมข้อมูล เพื่อที่จะสู้คดี และยืนยันว่าพระธัมมชโยรักษาอาการอาพาธอยู่ภายในวัดพระธรรมกาย ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด
คดีฟอกเงินและรับของโจรของพระธัมมชโย
ในเดือนมีนาคม นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 32 ปี แต่ศาลลดโทษลงกึ่งหนึ่งเหลือ 16 ปี ฐานยักยอกทรัพย์และจัดการทรัพย์ผู้อื่นโดยมิชอบเป็นเงินกว่า 22 ล้าน ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของคดีนี้ แล้วพบว่า มีเงินบางส่วนเชื่อมโยงกับวัดพระธรรมกาย
ดีเอสไอ ตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. 2552-15 ก.พ. 2554 พระธัมมชโย รวมถึงเครือข่ายวัดพระธรรมกาย รับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น รวม 21 ครั้ง เป็นเงิน 1,205,160,000 บาท โดยไม่มีมูลหนี้กับสหกรณ์ฯ
ส่งผลให้ดีเอสไอพิจารณาแล้ว เห็นว่า พฤติการณ์ดังกล่าวของพระธัมมชโยกับพวกอาจมีส่วนเป็นผู้สนับสนุนนายศุภชัย และเครือข่าย ในการยักยอกทรัพย์ของสหกรณ์ฯ หรือสนับสนุนให้ลักทรัพย์นายจ้าง หรือรับของโจร รวมถึงมีความผิดฐานฟอกเงิน และความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตได้จึงได้ร้องขอหมายเรียกจากศาลหลังครั้งแต่ พระธัมมชโยไม่ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เนื่องจากอ้างว่าอาพาธ
13 มิ.ย.2559 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้ส่งสำนวนคดีพิเศษให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษพิจารณา และนำมาสู่การสั่งฟ้องในวันนี้