ทางการไทยดำเนินคดีหมิ่นฯ 4 ราย ออกหมายจับ 8 ราย

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2016.10.26
กรุงเทพฯ
TH-man-1000 พสกนิกรไทยผู้จงรักภักดีถวายสักการะพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ใกล้พระบรมมหาราชวัง วันที่ 18 ต.ค. 2559
เบนาร์นิวส์

ในวันพุธ(26 ตุลาคม 2559)นี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนถึงการดำเนินคดีต่อผู้ที่กระทำการซึ่งอาจเข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูงว่า ปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการแจ้งความให้ดำเนินคดีลักษณะนี้ 20 คดี ได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแล้ว 4 ราย ทำการออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 8 คน ในส่วนของผู้กระทำผิดซึ่งอาศัยอยู่นอกประเทศนั้นจะได้หาวิธีประสานงานกับตำรวจสากลในการจัดการ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนหลังการประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งที่ 7/2559 ว่า ปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพยายามที่จะดำเนินการกับผู้ที่กระทำการที่อาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นเบื้องสูงอยู่แล้ว โดยจะมีกระบวนการจัดการกับทั้งผู้กระทำผิดที่อาศัยอยู่ในประเทศและนอกประเทศ

“ผมไม่รู้ว่าคนที่หมิ่นสถาบันฯเคลื่อนไหว แสดงออกแบบนี้คิดอย่างไร แต่ผมก็จับอยู่แล้ว มันก็มีมาตลอดอยู่แล้ว ใครที่คิดว่าอยู่ประเทศไทยแล้วไม่มีความสุขอย่างโน้นอย่างนี้ก็ไปอยู่ต่างประเทศ ไปอยู่ประเทศอื่น” พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว

พล.ต.อ.จักรทิพย์ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน มีการแจ้งความดำเนินคดีเกี่ยวกับการกระทำผิด ซึ่งเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงแล้ว 20 คดี โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาแล้ว 4 ราย ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยแล้ว 8 คน และที่เหลืออีก 8 ราย กำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลเพื่อขยายผล

สำหรับการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่อยู่ในต่างประเทศนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะประสานงานกับองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ(INTERPOL) และจะได้ประสานกับรัฐบาลของประเทศนั้นๆเพื่อหาวิธีการในการดำเนินคดีตามกฎหมาย

“ใครไม่อยากอยู่เมืองไทยก็ไปเมืองนอกไป ไม่มีตังค์เครื่องบินมาเอาที่ผม พวกดูหมิ่นสถาบัน ผมก็ยอมเป็นหนี้เพื่อชาติเหมือนกัน ขอตั๋วเครื่องบินผมได้ อย่ามาอยู่ประเทศไทยเลย” พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวทิ้งท้ายอย่างมีอารมณ์

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยต่อสื่อมวลชนในวันอังคาร โดยเตือนให้ประชาชนมีสติ และระมัดระวังเรื่องการใช้ความรุนแรงกับผู้ที่กระทำการอันอาจเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง เนื่องจากเกรงว่าการใช้ความรุนแรงจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย

“ก็ขอให้ระมัดระวังเรื่องของการทำร้ายซึ่งกันและกัน ในช่วงเวลาเหล่านี้ ด้วยความรู้สึกส่วนตัว ไม่ชอบ บางคนเจตนาหรือไม่เจตนาก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาดำเนินการ มันมีกระบวนการทางกฎหมาย อย่าไปใช้มาตรการความรุนแรงทำร้ายซึ่งกันและกัน อย่าไปตบตีกันเลย ภาพมันออกไปต่างประเทศมันก็เสียหาย” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในวันเดียวกันว่า การดำเนินการของรัฐบาลในการจัดการกับบุคคลที่กระทำการซึ่งอาจเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงซึ่งอาศัยอยู่ในต่างประเทศนั้น รัฐบาลจะได้ประสานรัฐบาลของประเทศต่างๆเพื่อทำความเข้าใจ และหามาตรการในการดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตามเห็นว่า คดีในลักษณะนี้อาจมีความยากลำบากในการประสานงานกับต่างประเทศ

นับตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 ปรากฎพบผู้ที่ใช้ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คในการโพสต์ข้อความที่อาจเข้าข่ายการหมิ่นเบื้องสูง จนทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากกลุ่มที่เห็นต่าง และนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หลายคดีแล้ว โดยกรณีการกระทำที่เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงซึ่งเบนาร์นิวส์สามารถรวบรวมได้ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 พบว่า มีผู้ต้องหากระจายตัวอยู่ในหลายพื้นที่ เช่น จังหวัดภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ตรัง พังงา ระยอง ชลบุรี และอุบลราชธานี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดภูเก็ต พังงา ชลบุรี ระยอง และสุราษฎร์ธานีเกิดการรวมตัวของประชาชนกดดัน และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่จัดการกับผู้กระทำที่อาจเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงอย่างเด็ดขาด บางพื้นที่เกิดความขัดแย้ง จนถึงขั้นปะทะทำร้ายร่างกายกัน สถานการณ์บานปลายจนเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารต้องเข้าควบคุมสถานการณ์

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง