ศาลจำคุกอดีตสส.เพื่อไทย 2 ปี ครอบครองยุทธภัณฑ์ช่วงสลายนปช. ปี 53
2018.10.30
กรุงเทพฯ

ในวันนี้ ศาลอาญา มีคำพิพากษาให้จำคุก จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศริษะ อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นเวลา 2 ปี ฐานครอบครองยุทธภัณฑ์ทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต และรับของโจร ขณะที่พรรคเพื่อไทยมีมติเลือก พล.ต.อ.วิโรจน์ เปาอินทร์ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ปฏิเสธการถูกครอบงำจากอดีตนายกฯทักษิณ เมื่อสุดสัปดาห์
สำหรับคดีนี้ คำฟ้องของอัยการระบุว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย.53 เจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถจำเลย พบมีเสื้อเกราะกันกระสุนและหมวกนิรภัยปราบจราจล ซึ่งเป็นเครื่องยุทธภัณฑ์ โดยมิได้รับอนุญาต ที่สูญหายไปเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 ระหว่างเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเข้าสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. ขณะนั้น ส.อ.ชนะยุทธ คมสาคร สังกัดกองทัพภาค 1 กำลังปฏิบัติหน้าที่ ได้มีคนร้ายมากกว่า 3 คนขึ้นไปร่วมกันใช้คันธงยาว 1 เมตร ตีประทุษร้าย และแย่งชิงหมวกนิรภัยปราบจลาจลราคา 3,745 บาท ที่ ส.อ.ชนะยุทธ ครอบครองไปโดยทุจริต เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กาย ซึ่งจำเลยปฏิเสธข้อกล่าวหาและขอสู้คดี และได้รับการประกันตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี
ทั้งนี้ จำเลยได้เบิกความระบุว่า ขณะจำเลยปราศรัยบนเวทีเสื้อแดงนั้น มีผู้เก็บของกลางมาให้จำเลยประกาศหาเจ้าของบนเวที จนมาทราบภายหลังว่า การ์ดนปช. 2 คน นำของกลางมาใส่ไว้ในรถโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบ จำเลยก็ไม่รู้และได้ขับรถออกไป จนกระทั่งถูกตรวจและเจ้าหน้าที่พบของกลางในรถจริง เมื่อวันที่ 22 เม.ย.53
“ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ที่จำเลยอ้างว่าไม่รู้เรื่องของกลางอยู่ในรถนั้น ขัดกับคำให้การชั้นสอบสวนที่ไม่ได้ให้การว่า การ์ดนปช.ทั้งสอง เป็นผู้นำของกลางไปเก็บไว้ท้ายรถ ทั้งที่เคยให้การว่าทราบในวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุ อีกทั้งก็ไม่นำบุคคลทั้งสองไปให้การต่อพนักงานสอบสวน แต่บุคคลทั้งสองมาเป็นพยานจำเลย ซึ่งได้ตอบการถามค้านได้ความว่า การนำของกลางไปเก็บไว้ท้ายรถ เนื่องจากเห็นฝากระโปรงรถเปิดไว้อยู่แล้ว ทั้งที่รถของจำเลยจอดไว้อยู่ก่อนขับออกไป จึงเป็นพิรุธ ง่ายต่อการอ้าง แม้จะมีพยานจำเลยอื่นเบิกความสนับสนุนก็เป็นญาติกับเพื่อนร่วมงานที่สงสัยได้ว่าช่วยเหลือจำเลย พยานจำเลยจึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์” คำพิพากษากล่าว
“จึงเชื่อได้ว่า จำเลยรู้อยู่แล้วว่ามีของกลางอยู่ท้ายรถ เป็นยุทธภัณฑ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตครอบครอง ในฐานะที่จำเลยเป็นอดีตตำรวจย่อมรู้ว่าเป็นของเจ้าหน้าที่ และเป็นแกนนำคนเสื้อแดงรู้ว่ามีเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 ของกลางเป็นทรัพย์ที่ถูกปล้น จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจรด้วย” ส่วนหนึ่งของคำพิพากษาระบุ
“พิพากษาว่า “จ.ส.ต.ประสิทธิ์” จำเลย กระทำความผิดตามฟ้อง ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ให้จำคุก 1 ปี และฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 จำคุกอีก 1 ปี รวมจำคุก 2 ข้อหาทั้งสิ้น 2 ปี” คำพิพากษาระบุ
ในวันนี้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมภรรยาและบุตรสาว โดยภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ยืนยันความบริสุทธิ์ และขอต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป ขณะที่ด้าน ภรรยา ของ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ได้ยื่นคำร้องของประกันตัวชั่วคราว พร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 200,000 บาท ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2557 จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ เคยต้องคำพิพากษาศาลอาญาให้จำคุกเป็นเวลา 5 ปี ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 เป็นเวลา 5 ปี แต่ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ จึงลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน โดยไม่อนุญาตให้ประกันตัวเนื่องจากศาลเห็นว่าเป็นถึงอดีต ส.ส. มีประวัติการทำผิดมาแล้ว แต่กลับมากระทำผิดในเรื่องร้ายแรงกว่าเดิม ต่อมาในวันที่ 25 มี.ค. 2559 จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ได้รับพระราชทานอภัยโทษให้ปล่อยตัวพ้นจากเรือนจำหลังถูกคุมขังในเรือนจำกรุงเทพฯนาน 1 ปี 10 เดือน 1 วัน
พรรคเพื่อไทยเลือก “วิโรจน์ เปาอินทร์” นั่งหัวหน้าพรรคฯ คนใหม่
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยได้มีมติเลือก พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ นายเสนาะ เทียนทอง เป็นประธานพรรคฯ ขณะที่ตัวเก็งอย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง และให้นายภูมิธรรม เวชยชัย ยังคงนั่งตำแหน่งเลขาธิการพรรค และนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ เป็นโฆษกพรรค
พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งหัวเรือใหญ่ในการสู้ศึกเลือกตั้ง ที่คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้าว่า ภารกิจใหญ่ต่อจากนี้คือ การดำเนินการเลือกตั้ง ซึ่งวันนี้ได้กรรมการสรรหาครบทั้ง 11 คนแล้ว และพรรคเพื่อไทยพร้อมเดินหน้าหาเสียงเลือกตั้งอย่างเข้มข้น ไม่กังวลกับกระแสข่าวว่าอาจจะถูกยุบพรรคแต่อย่างใด เพราะการทำกิจกรรมของพรรคที่ผ่านมาก็ทำกันอย่างระมัดระวัง และแม้ว่าจะมีคนจ้องให้ยุบพรรคก็ไม่รู้สึกกลัว
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาพบว่าอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งเดินทางไปพบอดีตนายก ทักษิณ ชินวัตร และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ประเทศฮ่องกง จนนำมาซึ่งการร้องเรียนให้ คณะกรรมการการเลือกตั้งตรวจสอบว่า อดีตนายกฯ ยังคงสั่งการอยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ซึ่งสมาชิกพรรคฯ ได้พยายามปฏิเสธมาตลอดว่าพรรคเพื่อไทยขณะนี้ ไม่เกี่ยวกับตระกูลชินวัตรอีกต่อไปแล้ว
“นายทักษิณไม่เคยเกี่ยวพันหรือครอบงำพรรค วันนี้ สิ่งที่นายทักษิณจะดำเนินการก็เป็นสิทธิและภารกิจของท่าน กฎหมายมีอยู่แล้ว ขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด อย่างมีหลักนิติรัฐ นิติธรรม เชื่อว่าหากยึดตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เราจะไม่มีปัญหาใดๆ เลย” นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าว