เมืองในภูมิภาคเอเชียกำลังเผชิญกับระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น การศึกษาระบุ

สุเบล ราย บันดารี สำหรับเรดิโอฟรีเอเชีย
2023.03.09
เมืองในภูมิภาคเอเชียกำลังเผชิญกับระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น การศึกษาระบุ แนนซี่ มานาเลเซ พายเรือออกจากโบสถ์ที่บางส่วนจมอยู่ใต้น้ำ ในหมู่บ้านชายฝั่งซิติโอ ปาเรียห์อาน, บูลาเคน ตอนเหนือของกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562
รอยเตอร์

เมืองใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางเมืองอาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และจะจมอยู่ใต้น้ำภายในสิ้นศตวรรษนี้ การศึกษาวิจัยใหม่ระบุ

นักวิจัยทำแผนที่จุดเสี่ยงของระดับน้ำทะเลทั่วโลก และรวมผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อระดับน้ำทะเลเข้ากับความผันผวนของมหาสมุทรตามธรรมชาติ เพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้คนหลายล้านคนในเมืองชายฝั่งอาจได้รับผลกระทบอย่างไร

การศึกษาได้รับการตีพิมพ์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ในวารสาร ธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

งานวิจัยนี้ ระบุว่า ความแปรปรวนของสภาพอากาศภายในสามารถขยายหรือลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลตามแนวชายฝั่งบางแห่งได้ถึง 30% มากกว่าที่จะเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงเพิ่มมากขึ้น  

ภายในปี 2643 หากความแปรปรวนของภูมิอากาศขึ้นถึงระดับสูงสุด เนื่องจากก๊าซเรือนกระจกมีระดับสูง เมืองใหญ่ ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลายแห่งก็จะมีความเสี่ยงที่ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้น รวมถึงย่างกุ้ง กรุงเทพฯ โฮจิมินห์ซิตี้ และมะนิลา รวมถึงเชนไนและกัลกัตตา ในอินเดีย

กรุงมะนิลา มีจำนวนประชากร 13 ล้านคน กรุงเทพมหานคร มีอย่างน้อย 11 ล้านคน นครโฮจิมินห์ มีจำนวนทะลุ 9 ล้านคน และย่างกุ้งมีประมาณ 5 ล้านคน

230309-th-environment2.jpeg

พระสงฆ์เดินบิณฑบาตบนถนนที่น้ำท่วมสูง ที่เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี วันที่ 12 ตุลาคม 2565 (รอยเตอร์)

การศึกษานี้แตกต่างจากงานวิจัยก่อนหน้า เพราะได้รวมถึง ความผันผวนของระดับน้ำทะเลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น เอลนีโญ ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงของวัฏจักรของน้ำ หรือที่เรียกว่าความแปรปรวนของสภาพอากาศภายใน เพื่อหาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล

ความแปรปรวนของสภาพอากาศภายใน หมายถึงความผันผวนตามธรรมชาติในระบบภูมิอากาศของโลกที่เกิดขึ้นจากกระบวนการภายใน เช่น กระแสน้ำในมหาสมุทร รูปแบบการหมุนเวียนของบรรยากาศ และการเปลี่ยนแปลงของวงโคจรและความเอียงของโลก

ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ น้ำจากธรรมชาติ (ฝน หิมะ ฯลฯ) และตัวแปรสภาพอากาศอื่น ๆ จะยังคงอยู่หลายเดือนจนถึงหลายทศวรรษ

และความแปรปรวนไม่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอก ซึ่งรวมถึงกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“ความแปรปรวนของสภาพอากาศภายใน สามารถเป็นแรงหนุนหรือยับยั้งระดับน้ำทะเลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างมาก อิซือ หู ผู้ร่วมเขียนบทความกล่าว

“ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ผลกระทบรวมของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความแปรปรวนของสภาพอากาศภายใน อาจส่งผลให้ระดับน้ำทะเลในประเทศสูงขึ้นมากถึง 50% มากกว่าการเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นอย่างมากที่จะเกิดน้ำท่วมรุนแรงขึ้นในแถบชายฝั่งของเมืองใหญ่ และส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้คนนับล้าน”

ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติครั้งใหญ่ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวชายฝั่งที่ยาวที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่ 234,000 กิโลเมตร โดยมีประชากรประมาณ 77% อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่ง ทำให้ภูมิภาคนี้เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดในโลก ตามรายงานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของรัฐในอาเซียน 2564

เมื่อปีที่แล้ว คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กล่าวในรายงานว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความเสี่ยงรุนแรงที่จะสูญเสียโครงสร้างพื้นฐานและการตั้งถิ่นฐานบริเวณชายฝั่ง  เนื่องจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ระดับน้ำทะลกำลังเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากอุณหภูมิของมหาสมุทรที่เพิ่มขึ้นและแผ่นน้ำแข็งละลายที่เกิดจากภาวะโลกร้อน ตามที่นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกล่าว

การศึกษาก่อนหน้านี้ระบุว่า น้ำท่วมชายฝั่งในกรุงมะนิลาคาดว่าจะเกิดขึ้นบ่อยขึ้นกว่าปี 2549 ถึง 18 เท่า ภายในปี 2643 โดยพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพียงอย่างเดียว

อย่างไรก็ตาม การศึกษาใหม่แสดงให้เห็นว่าในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด น้ำท่วมดังกล่าวอาจเกิดขึ้นบ่อยครั้งถึง 96 เท่า โดยขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและความแปรปรวนของสภาพอากาศภายใน

230309-th-environment3.jpeg

น้ำท่วมเนื่องจากพายุไต้ฝุ่นแวมโกไหลเข้าท่วมพื้นที่ราบลุ่ม ใกล้กรุงมะนิลา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 (เอพี)

ในทำนองเดียวกัน เมืองย่างกุ้งถูกคาดการณ์ว่า เหตุการณ์ที่หายากเช่นนี้จะมีเพิ่มบ่อยครั้งขึ้นจาก 148 ครั้ง เป็น 471 ครั้ง ในขณะที่ในนครโฮจิมินห์ เพิ่มขึ้นจาก 77 ครั้ง เป็น 2,882 ครั้ง

การศึกษายังกล่าวอีกว่า เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบจากความแปรปรวนของสภาพอากาศภายในแล้ว “คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงความถี่ของการเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ภายในสิ้นศตวรรษนี้” ในพื้นที่ลุ่มต่ำที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลน้อยกว่า 10 เมตร และมีประชากรหนาแน่นในภูมิภาคต่าง ๆ เช่น สามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิระวดี สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง และบนเกาะที่ราบลุ่มในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน ทำให้ผู้คนหลายล้านคน กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง

นักวิจัยใช้ชุดทดลองและการวิเคราะห์ทางสถิติ โดยมีสมมติฐานว่าก๊าซเรือนกระจกถูกปล่อยออกมาในอัตราที่สูง และกล่าวว่า การคาดการณ์ยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากระบบภูมิอากาศที่ซับซ้อนและคาดเดาไม่ได้ของโลก

อย่างไรก็ตาม เหล่านักวิจัยเตือนว่า สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเมืองใหญ่ชายฝั่งจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น เพื่อพัฒนากลยุทธ์การปรับตัวที่มีประสิทธิภาพโดยอิงตามการคาดการณ์จากการปรับปรุงแบบจำลองสภาพภูมิอากาศอย่างต่อเนื่อง

ปีที่แล้ว การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากการวิเคราะห์ของ Copernicus Climate Change Service ของสหภาพยุโรป

รายงานระบุว่าปี 2565 เป็นปีแห่งสภาพอากาศสุดขั้ว ซึ่งรวมถึงน้ำท่วมร้ายแรงในปากีสถานและพื้นที่ส่วนใหญ่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อุณหภูมิของมหาสมุทรพุ่งถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และคาดว่าจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง “เป็นอีกครั้งที่มหาสมุทรของโลก จะร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์จารึกและเกินระดับสูงสุดที่เคยมีเป็นประวัติการณ์ในปี 2564” จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในเดือนมกราคมในวารสาร Advances in Atmospheric Sciences

วารสารดังกล่าวยังระบุว่า ห้าปีที่อุณหภูมิมหาสมุทรร้อนที่สุด คือช่วงหกปีที่ผ่านมา

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง