ประยุทธ์ เสนออาเซียน-จีนร่วมต้านโควิด-19 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ
2020.11.12
กรุงเทพฯ

ในวันพฤหัสบดีนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในการประชุมสุดยอดอาเซียน - จีน ครั้งที่ 23 ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยเสนอให้ อาเซียนและจีน ร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านสาธารณสุข-ป้องกันรับมือสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งร่วมกันฟื้นฟูเศรษฐกิจ และความยั่งยืน
พล.อ.ประยุทธ์ ประชุมทางไกลครั้งนี้ ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยเป็นการประชุมร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนจากทั้ง 10 ประเทศ และนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน การประชุมมี นายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามเป็นประธานการประชุม
“ผมขอเสนอแนวทางที่จะฟื้นฟูภูมิภาคของเรา ให้กลับมาเข้มแข็งกว่าเดิมด้วยการกำหนดอนาคตร่วมกันดังนี้ ประการที่ 1 อนาคตทางสาธารณสุข เราควรร่วมมือกัน เสริมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพ ทั้งในระดับภูมิภาค และระดับโลก ไทยขอขอบคุณจีนที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนข้อริเริ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะการสมทบกองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับโควิด-19 จำนวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยินดีที่จีนประกาศให้วัคซีน และยาต้านไวรัสโควิด-19 เป็นสินค้าสาธารณะ ซึ่งอาเซียนได้รับการจัดสรรและใช้ประโยชน์จาก วัคซีน และยาดังกล่าวเป็นลำดับต้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
หลังสิ้นสุดการประชุม นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยแก่สื่อมวลชนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เสนอ 3 แนวทางเพื่ออนาคตร่วมกัน คือ อนาคตทางสาธารณสุข อนาคตทางเศรษฐกิจ และ อนาคตที่ยั่งยืน
“อนาคตทางสาธารณสุข… ไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับมิตรประเทศในการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนร่วมทำวิจัย พัฒนา และผลิตยา เพื่อแจกจ่ายให้แก่ประเทศในภูมิภาค อนาคตทางเศรษฐกิจ… ซึ่งอาเชียนและจีน ต้องร่วมมือกันเสริมสร้างความแข็งแกร่งบนพื้นฐานของการพึ่งพาระหว่างกันทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้น ยึดมั่นระบบการค้าพหุภาคี สานต่อบูรณาการทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค” นายอนุชา ระบุ
“อนาคตที่ยั่งยืน... อาเซียนและจีนต้องร่วมมือกันเสริมสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ยินดีที่จะร่วมประกาศให้ปี 2564 เป็นปีแห่งความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนอาเซียน-จีน นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำความพร้อมในการร่วมมือกับอาเซียนและจีนที่จะต่อสู้กับความยากจน ความหิวโหย และภัยพิบัติ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชน” นายอนุชา สรุป
นอกจากนั้นในการประชุมครั้งนี้ นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ระบุว่า อาเซียนจะสรุปการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) อย่างเป็นทางการ และอาจมีลงนามข้อตกลงดังกล่าว รวมถึง อนุมัติกรอบแผนฟื้นฟูอาเซียนที่ครอบคลุม (ASEAN Comprehensive Recovery Framework)
“อาเซียนควรให้ความสำคัญกับทรัพยากรและความพยายามลดความเสี่ยงของโรคโควิด-19 อย่างค่อยเป็นค่อยไป ช่วยกันทำให้วัคซีนและวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพ พร้อมใช้งานโดยเร็วที่สุด และส่งเสริมมาตรการสนับสนุนธุรกิจ กลับมาดำเนินการผลิตและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อรับประกันการจ้างงานและการดำรงชีวิตของประชาชนท้องถิ่น” นายฟุก ระบุระหว่างการประชุม
นอกจากนี้ นายฟุก ยังกล่าวว่า อาเซียนและญี่ปุ่น ได้ตกลงที่จะจัดตั้งศูนย์อาเซียนสำหรับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ เพื่อให้ภูมิภาคสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับการระบาดในอนาคตได้ดีขึ้น
ในวันพฤหัสบดีนี้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแล้วทั้งสิ้น มากกว่า 950,000 ราย โดยจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ดี ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค อาจยังไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจาก การประชุมมี 15 ชาติเข้าร่วม แต่ประเทศอินเดีย ยังแสดงท่าทีไม่เต็มใจกับการเปิดตลาด เนื่องจากมีความกังวลว่า หากเข้าร่วมยอดขาดดุลการค้ากับจีนอาจขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่คาดการณ์ว่าจะมีการลงนามร่วมในวันสุดท้ายของการประชุมสุดยอดอาเซียน 4 วัน
ส่วนการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 พฤศจิกายน 2563 โดยเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ทำให้การประชุมในปีนี้ เป็นการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอ และขณะที่ผู้นำ 9 ประเทศสมาชิกเข้าร่วมครบ แต่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาไม่ได้เข้าร่วมประชุม เนื่องจาก อยู่ระหว่างกักตัว 14 วัน หลังพบกับ นายเปเตอร์ ซิยาร์โท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าของฮังการี ซึ่งพบว่า ติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างเดินทางมาประเทศไทย อย่างไรก็ดี ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมด้วย สำหรับอาเซียนก่อตั้งเมื่อปี 2510 ประกอบด้วยบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยประเทศเวียดนามเป็นประธานอาเซียนในปี 2563