นายกฯ ยันไทยพร้อมรับมือโควิด-19 ขณะที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 60 ราย
2020.03.19
กรุงเทพฯ

ในวันพฤหัสบดีนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในการแก้ไขปํญหาโรคระบาดโควิด-19 ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) เพิ่มอีก 60 ราย เป็นการพบผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุดในหนึ่งวันของประเทศไทย โดยในนั้น 5 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากการไปประกอบพิธีทางศาสนาในประเทศมาเลเซีย ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์-ต้นเดือนมีนาคม 2563
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในการแถลงข่าวที่กระทรวงสาธารณสุขวันนี้ว่า ไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้น โดยส่วนมากเป็นผู้ป่วยที่มีความใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายเดิม หรือเกี่ยวข้องกับสนามมวย และสถานบันเทิง
“ผู้ป่วยที่ยืนยันเพิ่มวันนี้ ทั้งสิ้น 60 ราย นับเป็นลำดับที่ 213-272 กลุ่มที่หนึ่งเป็นกลุ่มที่มีประวัติสัมพันธ์กับผู้ป่วย หรือมีความเกี่ยวข้องกับสถานที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด มีจำนวนสูงถึง 43 ราย รายละเอียด จะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับสนามมวย 12 ราย เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง 14 ราย จากย่านทองหล่อ สวนหลวง รามคำแหง และสุขุมวิท ผู้ป่วยที่สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีการรายงานมาก่อนหน้านี้แล้ว จำนวน 12 ราย ผู้ป่วยที่เข้าร่วมพิธีทางศาสนาในประเทศมาเลเซีย 5 ราย เป็นชาวไทยจากปัตตานีแล้วก็ยะลา” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
“กลุ่มที่สอง ผู้ป่วยรายใหม่ 17 ราย คือ เดินทางกลับจากต่างประเทศ 9 ราย โดยมีประวัติไปไต้หวัน ฝรั่งเศส อังกฤษ อินเดีย อิตาลี มาเลเซีย กัมพูชา ญี่ปุ่น เยอรมนี และอิหร่าน บางรายเดินทางไปมากกว่า 1 ประเทศ ผู้ป่วยที่ทำงานใกล้ชิด สัมผัสต่างชาติ 3 ราย ทำงานหรืออาศัยในสถานที่แออัด ต้องใกล้ชิดกับคนจำนวนมาก 1 ราย รอผลการสอบสวนโรคเพิ่มเติม 4 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้สื่อข่าว 1 ราย” นพ.สุวรรณชัย กล่าวเพิ่มเติม
นพ.สุวรรณชัย ระบุว่า ปัจจุบัน มีผู้ป่วยที่กลับบ้านแล้ว 42 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 229 ราย อาการหนัก 3 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ก่อนหน้านี้ กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า มีคนไทยจำนวน 132 คนที่เดินทางไปร่วมชุมนุมของผู้เผยแพร่ศาสนา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2563 และพบมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นจากการเดินทางครั้งดังกล่าว 7 คน
ด้าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมประชุมการบริหารจัดการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 ของประเทศไทย ในวันนี้ และได้กล่าวว่า แนวทางการจัดการโรคโควิด-19 ของประเทศไทย ดำเนินไปอย่างมีความพร้อม ทั้งการดูแลรักษา เตียง ยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ป้องกันตนเอง รวมทั้งได้มีมาตรการป้องกันการเพิ่มจำนวนของผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ
“ด้านมาตรการป้องกันคนภายนอกนำเชื้อเข้าประเทศ ได้เพิ่มให้ผู้เดินทางจากประเทศที่เป็นพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง ต้องมีใบรับรองแพทย์ ทำประกันสุขภาพทุกคน เพื่อสกัดกั้นการนำเชื้อเข้าประเทศให้เหลือน้อยที่สุด รวมทั้ง มีการติดตามตัวด้วยแอปพลิเคชันระหว่างอยู่ในประเทศไทย หากไม่มี จะไม่อนุญาตให้เข้าประเทศ” พลเอกประยุทธ์ กล่าว
ในวันเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจว่า นายหยาง ซิน อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถึงการที่จีนจะให้ความช่วยเหลือไทยในการแก้ไขปัญหาระบาดของโควิด-19 โดยระบุว่า จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน โดยได้มีการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐของทั้งสองประเทศ
“ฝ่ายจีนยินดีที่จะช่วยเหลือฝ่ายไทยในรูปแบบต่าง ๆ เท่าที่จะทำได้ รัฐบาลจีนจะให้ความช่วยเหลือฝ่ายไทย ในการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ อาทิเช่น ชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หน้ากาก N95 และชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ประสานงานกับผู้ประกอบการให้จำหน่ายยาสำหรับรักษาไวรัสโควิด-19 ให้กับฝ่ายไทย ผู้ประกอบการจีนจะส่งออกเวชภัณฑ์มายังประเทศไทย.. กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจจีนในประเทศไทย และองค์กรมิตรภาพระหว่างประชาชนของจีนต่างก็รวมตัวกันบริจาคเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ให้กับฝ่ายไทย” ตอนหนึ่งของข้อความระบุ
“ก่อนหน้านี้ ทีมของนายจง หนานซาน ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจของจีนคอยสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับทีมผู้เชี่ยวชาญของไทย เกี่ยวกับแผนการวินิจฉัยและการรักษาโรค ฝ่ายจีนได้แบ่งปันประสบการณ์การต่อสู้กับเชื้อไวรัส เสนอแผนการการรักษาโรคโควิด-19 ฉบับที่ 7 และแผนการการป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในการเดินทาง” ข้อความบนเฟซบุ๊กแฟนเพจ Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ระบุ
ธปท.ออกมาตรการส่งเสริมให้สถาบันการเงินปรับโครงสร้างหนี้
ขณะที่ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินเพื่อติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือลูกหนี้ และการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์โควิด-19 โดย ธปท. ได้ออกมาตรการส่งเสริมให้สถาบันการเงินปรับโครงสร้างหนี้เชิงรุก เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 สถาบันการเงินทั้งระบบได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้แล้วประมาณ 30,000 ราย เป็นมูลค่า 234,000 ล้านบาท โดยการพักหนี้เงินต้น ลดอัตราดอกเบี้ย ปรับระยะเวลาการชำระหนี้ให้ยาวขึ้น
อย่างไรก็ดี ลูกหนี้ที่ได้รับการช่วยเหลือแล้วยังค่อนข้างน้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ธปท. จึงกำชับให้ทุกสถาบันการเงินเร่งเข้าไปดูแลลูกหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดเล็กและกลาง และรายย่อย ต้องปรับกระบวนการทำงานให้เป็นเชิงรุกมากขึ้น และต้องสื่อสารนโยบายจากส่วนกลางลงไปยังสาขา และศูนย์ธุรกิจที่กระจายทั่วประเทศให้รวดเร็วและชัดเจน
ด้าน นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธปท. ได้เข้าซื้อพันธบัตรภาครัฐระยะสั้น และระยะยาว ระหว่างวันที่ 13-19 มีนาคม 2563 มูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อลดความผันผวน และเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ตลาดพันธบัตรไทย หลังจากที่ตลาดพันธบัตรโลกมีความผันผวนสูงจากภาวะวิตกกังวล หลังเกิดการระบาดของโควิด-19
ปัจจุบัน ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 235,404 คน มีผู้ติดเชื้ออย่างน้อยใน 160 ประเทศ มีผู้เสียชีวิต 9,358 คน รักษาหายแล้ว 84,557 คน
ประเทศที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือ จีน อิตาลี อิหร่าน สเปน เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ตามลำดับ โดยองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ในขั้นระบาดใหญ่ หรือ Pandemic แล้ว ส่วนประเทศไทย มีผู้เสียชีวิตเพียงหนึ่งราย