กองทัพเรือตรวจสอบเรือปริศนาลอยลำใกล้ฐานขุดเจาะน้ำมันเชฟรอน
2022.01.10
กรุงเทพฯ

กองทัพเรือ ชี้แจงในวันจันทร์นี้ว่า ทัพเรือภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบเรือสินค้าที่สันนิษฐานว่าเป็นเรือต่างชาติที่ถูกลูกเรือสละทิ้ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วและจมลงในตอนดึกของคืนวันเสาร์ที่ผ่านมานี้
พล.ร.ต. อิทธิพัทธ์ กวินเฟื่องฟูกุล โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เปิดเผยว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม นี้ ทร. ได้รับแจ้งจาก เจ้าหน้าที่ของแท่นผลิตไพลินเหนือ บริษัท เชฟรอน (ประเทศไทย) ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปทางตะวันออก 80 ไมล์ทะเลว่า พบเรือลำหนึ่งลอยบนผิวน้ำในลักษณะเอียง และไม่พบลูกเรือ เรือลำดังกล่าวลอยเข้ามาใกล้พื้นที่ปลอดภัยของแท่นเจาะ จึงแจ้งให้ทางทัพเรือภาคที่ 2 เข้าตรวจสอบ
“ทัพเรือภาคที่ 2 จัดกำลังทางเรือและอากาศยานไร้คนขับ เข้าปฏิบัติการตรวจสอบข้างต้น พบว่าไม่มีลูกเรืออยู่บนเรือ ชื่อเรือ เลขเรือ และเอกสารทั้งหมดไม่ปรากฏ อุปกรณ์เดินเรือทั้งหมดบนสะพานไม่สามารถใช้งานได้” พล.ร.ต. อิทธิพัทธ์ กล่าว
จากการตรวจสอบลักษณะเรือเทียบกับข้อมูลในระบบ SEA Vision และ MISC เรือลำดังกล่าวมีความใกล้เคียงกับเรือ Fin Shui Yuan 2 หรือ Jin Shui Yuan 2 ซึ่งเป็นเรือ cargo (ขนส่งสินค้า) ความยาว 56 เมตร ตรวจพบครั้งล่าสุดในปี 2020 จากการรายงานในระบบ AIS (ระบบระบุตัวตนอัตโนมัติ) พล.ร.ต. อิทธิพัทธ์ ระบุ โดยอ้างอิงถึงเวบไซต์ที่สมาชิกใช้แชร์ข้อมูลในการเดินเรือของชุมชนผู้เดินทะเล
ทร. ระบุว่า เรือหลวงตาปี และเรือหลวงหลีเป๊ะ ได้พยายามเข้าพื้นที่เพื่อกู้ซ่อมเรือเบื้องต้นและตรวจสอบเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องในวันถัดมา แต่เนื่องจากมีคลื่นลมแรงและน้ำเข้าตัวเรือจึงดำเนินการไม่ได้ ต่อมาในตอนดึกของวันเสาร์ที่ 8 มกราคม เรือลำดังกล่าวได้จมสู่ใต้ทะเลห่างจากผิวน้ำประมาณ 18 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการผูกทุ่นเพื่อแสดงตำแหน่ง ให้เรือที่แล่นผ่านไปมาไม่เข้าใกล้ และประสานให้กรมเจ้าท่า ประกาศเตือนชาวเรือให้เดินเรืออย่างระมัดระวัง
สำหรับคราบน้ำมันที่ไหลออกจากตัวเรือ ตรวจพบว่ามีการลอยบนผิวน้ำกินบริเวณ 500 เมตร เป็นคราบเจือจาง ไม่น่าสร้างความเสียหาย และจะสลายไปตามธรรมชาติ แต่จะได้มีการติดตามต่อเนื่อง ซึ่งหากคราบน้ำมันลอยเข้าใกล้เกาะมัดสุม หรือเกาะสมุย สำนักงานเจ้าท่า นครศรีธรรมราช จะเข้าดำเนินการขจัดคราบน้ำมันต่อไป พล.ร.ต. อิทธิพัทธ์ กล่าว
เหตุการณ์ที่ค่อนข้างแปลกครั้งนี้ ทำให้สื่อมวลชนบางฉบับตั้งฉายาเรือลำนี้ว่า “เรือผี” และสื่อสังคมมีความสงสัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“กระแสข่าวที่ออกมาว่าเรามีเจตนาที่จะทิ้งเรือหรือทำให้เรือจม ไม่เป็นความจริง เพราะพยายามนำเรือหลวงตาปีลากจูงเข้าฝั่ง แต่เรือหลวงตาปีเสียระหว่างทางก่อนไปถึงเรือ” พล.ร.ต. อิทธิพัทธ์ กล่าว
ล่าสุด กองทัพเรือได้ประสานให้กรมเจ้าท่าพิจารณาออกคำสั่งกู้เรือตาม พรบ. เดินเรือในน่านน้ำไทย ถ้าเกินกำหนดระยะเวลา 15 วัน แล้วยังไม่มีเจ้าของเรือมาแสดงตัวและกู้เรือ กรมเจ้าท่าอาจจะพิจารณาในการกู้เรือเอง
“เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ เพราะต้องชดเชยเงินในการกู้เรือเป็นหลักล้าน ทั้งนี้ ได้ตั้งคณะกรรมกการเพื่อตรวจสอบ โดย ศรชล. ภาค 2 จะเร่งดำเนินการสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป" พล.ร.ต. อิทธิพัทธ์ กล่าว