รมว. กลาโหมสหรัฐเยือนไทยกระชับความสัมพันธ์ทางทหาร
2022.06.13
กรุงเทพฯ

นายลอยด์ เจ. ออสติน ที่สาม (Lloyd J. Austin III) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาได้เข้าพบ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันจันทร์นี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางทหารของทั้งสองประเทศ ขณะที่มีผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งแสดงความกังวลว่า สหรัฐอเมริกาจะดึงประเทศไทยเข้าสู่ความขัดแย้งทางทหารกับจีน
นายลอยด์ และพล.อ. ประยุทธ์ ได้พบปะครั้งหนึ่งในการประชุมสุดยอดอาเซียนไทย-สหรัฐ เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2565 นี้ และฝ่ายไทยได้เชิญฝ่าย รมว.กลาโหมสหรัฐคนใหม่ มาเยือนไทยอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก โดยได้เดินทางมาถึงกรุงเทพเมื่อตอนบ่ายวันอาทิตย์ผ่านมา
“เราจะสร้างความเข้ากันได้ในการปฏิบัติการด้วยการฝึกและซ้อมรบเพื่อเพิ่มความสามารถในทุกมิติ ตั้งแต่ความมั่นคงทางทะเล การทำลายภัยคุกคาม จนถึงการแพทย์ทหาร และเรายังเพิ่มความร่วมมือในโดเมนใหม่ ๆ เช่น ด้านอวกาศ และไซเบอร์สเปซ” นายลอยด์ กล่าวก่อนที่จะเข้าพบ พล.อ. ประยุทธ์ และระบุว่าจะมีการแบ่งปันความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ที่มีความตึงเครียดมากขึ้น
หลังการพบปะของสองฝ่าย พลเอก คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านเอกสารข่าวว่า สองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองร่วมกันต่อสถานการณ์ความมั่นคงของภูมิภาค อาทิ ปัญหาทะเลจีนใต้ และเมียนมา โดยไทยสนับสนุนการดำรงบทบาทที่สร้างสรรค์และการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ การแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี และยืนยันในท่าทีของอาเซียน โดยที่ผ่านมา ไทยได้ให้การช่วยเหลือผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบเมียนมาตามหลักมนุษยธรรมต่อเนื่องมา และไม่ต้องการให้เกิดปัญหาขัดแย้งที่ไม่พึงประสงค์ของภูมิภาค” พล.อ. คงชีพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทั้งสองไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับทางผู้สื่อข่าว แต่มีการคาดการณ์ว่า ฝ่ายไทยอาจจะหยิบยกเรื่องที่ไทยต้องการจัดซื้อเครื่องบินรบล่องหนแบบ F-35 จากสหรัฐ ซึ่งทางกองทัพอากาศไทยได้ของบประมาณกว่า 7,000 ล้านบาท สำหรับ F-35 สองเครื่องแรกและจะจัดซื้อให้ครบ 8 ลำ ในเวลาถัดไปหากว่าสหรัฐยอมขายเครื่องบินสมรรถนะสูงแบบนี้ให้ฝ่ายไทย
ก่อนการเดินทางมาถึงประเทศไทย นายลอยด์ ได้ร่วมการประชุมแชงกรีลา (Shangri-la Dialogue) ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นการประชุมเรื่องความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียเ-แปซิฟิก มื่อวันเสารอาทิตย์นี้ ขณะที่ พลเอก เว่ย เฟิ่งเหอ รัฐมนตรีว่าการกลาโหมของประเทศสารณรัฐประชาชนจีน ได้กล่าวว่า จีนพร้อมที่จะทำสงครามหากว่าไต้หวันที่ฝ่ายจีนถือว่าเป็นจังหวัดหนึ่งของตนมีการพยายามประกาศอิสรภาพ
และในระหว่างการพบปะของนายลอยด์ และพล.อ. ประยุทธ์ ในวันนี้ กลุ่มประชาชนคนไทย นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้มาชุมนุมที่ใกล้กระทรวงกลาโหม เพื่อประท้วงที่ทางการไทยใกล้ชิดสหรัฐ และเกรงว่าจะมีการเลือกข้างหากมีสงครามกับจีน
“สหรัฐกำลังลากไทยเข้าสู่สงคราม ตามหลักการศัตรูของอเมริกาก็คือศัตรูของไทย ทั้งที่ไทยไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร อยากให้ พลเอก ประยุทธ์ กลับไปศึกษาประวัติศาสตร์สงครามเวียดนาม... เราจะไม่หยุด (ประท้วง) ต้องหยุดยั้งอเมริกาที่จะลากเราเข้าสู่สงคราม” นายจตุพรกล่าว
ในปี พ.ศ. 2546 สหรัฐได้ประกาศให้ประเทศไทยซึ่งมีความสัมพันธ์กับสหรัฐมาเกือบ 200 ปีในตอนนั้น เป็นพันธมิตรสำคัญนอกนาโต้ของสหรัฐอเมริกา และในปี พ.ศ. 2563 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมระหว่าง ไทย-สหรัฐฯ ว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศ 2020 (Joint Vision Statement 2020 for the U.S.–Thai Defense Alliance)
ในเรื่องนี้ โฆษกกลาโหม กล่าวว่า สำหรับการลงนามในแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมระหว่าง ไทย-สหรัฐฯ เป็นเพียงกรอบแนวคิดและจุดยืนที่มีร่วมกัน มิได้เป็นสนธิสัญญา หรือมีข้อผูกพันทางกฎหมายที่ต้องปฏิบัติแต่อย่างใด
ส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ร่วมระหว่าง ไทย-สหรัฐฯ ระบุว่า เพื่อการเสริมสร้างระบบการปฏิบัติแลกเปลี่ยนกันได้และเข้ากันได้ ให้กระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศร่วมมีกิจกรรมกับชาติพันธมิตรอื่น ๆ และพาร์ทเนอร์ที่มีสัศนคติตรงกันในการจัดการกับปัญหาท้าทายในด้านความมั่นคงที่มีความซับซ้อนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก